พระพุทธองค์ทรงเน้นหนักในยุคศิวิไลซ์ เพราะพระองค์ปรารถนาวางศาสนาไว้ในโลกนี้ห้าพันปี ก็คือวางตรงยุคศิวิไลซ์ตรงกลาง ตอนต้นกับตอนท้ายไม่ใช่ พระพุทธองค์บรรจงเอาห้าพันปี คืออาศัยบารมีของกรรมมหาฤทธิ์ห้าพันปีนับจากปี ๒๕๕๐ ต่อไปอีกห้าพันปี ๒๕๐๐ ปี ที่ผ่านมาไม่นับช่วงนั้นพระองค์อาศัยบารมีพระมหากัสสปะเป็นคนรองรับส่งพระ ศาสนาของพระองค์ ถึงยุคศิวิไลซ์ในตำนานกล่าวว่าพระมหากัสสปะเคยเกิดร่วมกับพระพุทธองค์และได้ อธิษฐานบารมีว่าจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอยู่ต่อมาพระพุทธองค์ปฏิบัติบำเพ็ญ เพียรมาจนจบสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า พระมหากัสสปะเล็งเห็นว่าไม่มีใครมาช่วยเหลือพระพุทธองค์ พุทธวงศ์ของพระพุทธองค์จะย่อยยับลำบากแน่พระมหากัสสปะเลยถอนคำอธิษฐาน มาเกิดเป็นมนุษย์เป็นสาวกผู้ใหญ่เพื่อสืบพระพุทธศาสนา ดังนั้นพระองค์ทรงเล็งเห็นความเป็นมาของพระมหากัสสปะ พระองค์จึงประทานพรให้แก่พระมหากัสสปะเป็นผ้าสังฆาฏิของพระพุทธองค์ต่อมาพระ มหากัสสปะได้ทูลขอธุดงค์ ๑๓ ข้อ พระพุทธองค์ทรงประทานข้อธุดงค์ ๑๓ ข้อให้แก่พระมหากัสสปะ นี่คือบารมีของพระมหากัสสปะ พระมหากัสสปะก็ใช้ธุดงค์ ๑๓ ข้อสืบต่อพระศาสนาถึงฝั่งศิวิไลซ์ พระมหากัสสปะทำให้ส่งผลอย่างน้อยพระมหากัสสปะไม่เสียสัจจะเปรียบเสมือนได้ เป็นพระพุทธองค์อีกองค์หนึ่ง เพราะมีผ้าสังฆาฏิของพระพุทธองค์พาดอยู่บนบ่า มีกรรมฐานคือธุดงควัตร ๑๓ ข้อเป็นบารมี และส่งศาสนาถึงฝั่งศิวิไลซ์ให้แก่พระพุทธองค์หลังจากนั้นพระพุทธองค์ก็ได้ ประกาศศาสนาของพระองค์เพื่อเตรียมบูรณาการ เพื่อเตรียมการรับหลานของพระพุทธองค์ที่จะมารองรับศาสนาของพระองค์ ที่พระองค์ให้ถึงห้าพันปีมาบรรจบแล้ว และเทวยักษ์ผู้ปรารถนาจะมารองรับศาสนาของพระองค์ก็จะมารองรับสืบต่อไปอีก ๒๕๐๐ ปีรวมกับของพระมหากัสสปะตอนต้น ๒๕๐๐ ปี กับของกรรมมหาฤทธิ์อีกห้าพันปี เป็นหนึ่งหมื่น พระพุทธองค์ยังทรงตรัสว่าแม้ถึงกระนั้นเราก็สามารถดำเนินการไปได้อีกพระ พุทธองค์ทรงดำเนินการเองได้ ไม่ใช่ว่าแค่ห้าพันปี ฉะนั้นการวางศาสนาต้องมีคนมาคุ้มครองมารองรับ พระพุทธองค์จึงให้มีคนมาสืบดูแลเป็นทอดๆไป พระมหากัสสปะรับไปสองพันห้าร้อยปี กรรมมหาฤทธิ์รับไปห้าพันปี เทวยักษ์รับไปอีกสองพันห้าร้อยปี โบสถ์ สิม เทวยักษ์ เป็นผู้ดูแลเพราะพระพุทธองค์ให้เขาดูแลให้อยู่ในศาสนา เพราะว่าเทวยักษ์ปรารถนาจะมารองรับพระศาสนา ฉะนั้นคนที่จะมารองรับ พระศาสนาในยุคต่อไป เลยห้าพันปีก็คือเทวยักษ์ที่ดูแลรักษาข้อพระหัตถ์เบื้องขวา พระสรีรังคาร พระเขี้ยวฝาง เพราะตอนนั้นพระเทวจักรได้ข้อพระหัตถ์ พระสรีรังคารก็อัญเชิญไปซ่อนไว้ที่ศาลพระพรหม เมืองอินทปัตพอพระเทวจักรเชิญพระธาตุเสด็จสู่ศาลพระพรหม เทวยักษ์ผู้ดูแลศาลพระพรหมก็ปรากฏตัวขึ้นมาประกาศก้องว่าใครบังอาจมารุกล้ำ ศาลหลวง พระเทวจักรตอบว่า เราคือพระเทวจักร กิตตฺตโก เป็นลูกศิษย์ของพระโมคคัลลานะเป็นสาวกของพระบรมศาสดาองค์พระสัมมาสัมพุทธ เจ้า ด้านซ้ายมือเราเป็นผอบบรรจุพระสรีรังคาร ด้านขวามือเป็นพระธาตุข้อพระหัตถ์ เบื้องขวาขององค์พระศาสดา เทวยักษ์ได้ยินบอกเท่านั้นถึงกับเข่าทรุดลงหมอบแทบเท้าของพระเทวจักร และประกาศตนขันอาสาจะมารองรับดูแลอารักขาพระบรมธาตุเหล่านี้เอง เสร็จแล้วพระเทวจักรได้เหาะขึ้น ไปบนอากาศอธิษฐานครอบเอาเทวยักษ์ไว้ในยอดเจดีย์ศาลพระพรหมพร้อมกับพระ บรมธาตุของพระพุทธองค์และบอกเทวยักษ์ว่าต่อไปภายภาคหน้าจะเข้าสู่กึ่งศตวรรษ เธอจงไปตามหาพระยาธรรม ผู้มีพระยาธรรม ถ้าเธอตามหาผู้มีพระยาธรรมพบเมื่อไหร่กลับมาบอกเรา เราจะอธิษฐานเปิดพระบรมสารีริกธาตุให้แก่เธอหลวงพ่อหยุดพักเหนื่อยจิบน้ำ ชา แล้วเล่าต่อไปว่าเมื่อเข้าสู่ปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๖ หลวงพ่อได้ขึ้นมาดูแลวัดภูพลานสูง มาค้นหาสาเหตุว่าทำไมพระเถระผู้ใหญ่ระดับภาคจังหวัดมาสร้างวัดภูฯ ทำไมสร้างไม่ได้ วัดภูไม่เจริญก้าวหน้า หลวงพ่อจึงหันมาศึกษาเก็บข้อมูลจากนั้นหลวงพ่อก็ได้มาพัฒนาวัดภูฯให้มีความ เจริญก้าวหน้ามากขึ้นมา เมื่อได้รับข้อมูลต่างๆ แล้วตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า พระยาโองการ ๗๒ องค์ที่จะทำหน้าที่รองรับ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงมีบัญชาการไว้ให้หลวงพ่อขึ้นมาทำหน้าที่ตรงนี้ และทุกคนที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้จะต้องมาอยู่ที่ไหน ใกล้ไกลเพียงใดก็ต้องมา เพื่อมาทำงานตรงนี้
หลวงพ่อเล่าว่าหลวงปู่ใหญ่โมคคัลลานะบอกว่าในอดีตนั้นหลวงพ่อเป็นคนเมือ งอโยธยา ประเทศอินเดีย เป็นลูกศิษย์หลวงปู่โมคคัลลานะ แล้วได้บวชในพระศาสนา หลวงพ่อสมัยนั้นเก่งมากนั่งแสงออกวาบๆ แต่ไม่สำเร็จมรรคผลอะไร ก็เลยไปกราบต่อหน้าพระพุทธองค์ ปรารถนาให้พระพุทธองค์อนุเคราะห์ ครั้งที่หนึ่งแล้ว ครั้งที่สองก็แล้ว พระพุทธองค์ไม่อนุเคราะห์ ครั้งที่สามพระพุทธองค์ก็อนุเคราะห์ให้งานตรงนี้ หลวงพ่อก็อธิษฐานจิตต่อหน้าหลวงปู่โมคคัลลานะ ต่อหน้าพระพุทธองค์เป็นสักขีพยานว่า ลูกศิษย์คนนี้เกิดภพใดชาติใดอยู่ที่ไหนก็ตาม เป็นวิญญาณเป็นมนุษย์ก็ตาม ขอให้บารมีหลวงปู่โมคคัลลานะติดตามดูแลศิษย์คนนี้แม้หลวงปู่โมคคัลลานะจะ นิพพานไปแล้วก็ตาม ขอให้บารมีหลวงปู่ยังคงติดตามคุ้มครองดูแลตลอดเวลา หลวงปู่โมคคัลลานะบอกว่าได้ ตราบใดที่ลูกยังไม่ถึงพระนิพพาน ยังไม่พ้นจากบ่วงมาร หลวงปู่จะติดตามดูแลดังนั้นเมื่อหลวงพ่อเกิดมาเป็นมนุษย์ยุคนี้ ตั้งแต่เด็กๆ ฝันเห็นหลวงปู่โมคคัลลานะ แต่สมัยนั้นไม่รู้ว่าเป็นหลวงปู่โมคคัลลานะ เวลานอนหลับไม่สบายเป็นไข้จะต้องฝันเห็นผี ร้องไห้วิ่งหนีไปเจอหลวงปู่โมคคัลลานะวิ่งไปชนหลวงปู่ทุกครั้ง เวลามาบวชเป็นพระก็เห็นหลวงปู่จนกระทั่งได้มาพบกับหลวงปู่โมคคัลลานะและได้ ศึกษาค้นคว้าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับหลวงพ่อ จึงได้รู้ได้เข้าใจและยอมรับ เพราะหลวงปู่ท่านจะหาหลักฐานต่างๆ มายืนยันว่านี่คืออย่างนั้นและอย่างนี้ มีที่มาที่ไป มีหลักฐานยืนยัน เช่นเรื่องพระบรมธาตุ หลวงปู่เป็นคนเอาหลักฐานเหล่านี้มายืนยัน หลวงพ่อจึงยอมรับและนับถือหลวงปู่โมคคัลลานะเป็นบูรพา ครูบาอาจารย์ แล้วก็สเก็ตซ์ภาพตามนิมิตที่เห็นขึ้นมา เพื่อให้ลูกหลานได้รู้ได้เห็นนี่คือพระโมคคัลลานะ เสร็จแล้วหลวงพ่อก็ประกาศบารมี พระโมคคัลลานะ เมื่อหลวงพ่อประกาศเกียรติคุณเรียบร้อย หลวงปู่ท่านก็พาหลวงพ่อไปพบกับหลวงพ่อพระโคตะมะนั่นแหละจุดเริ่มต้นปฐมเหตุ ก็อยู่ที่วัดแสนชะนีต่อมาก็ประกาศหลวงพ่อพระโคตะมะ เมื่อประกาศหลวงพ่อพระโคตะมะเตรียมการวางศิลาฤกษ์ เตรียมการสร้างหลวงพ่อพระโคตะมะขึ้น ก็ได้ข้อพระหัตถ์เบื้องขวาเมื่อประกาศข้อพระหัตถ์เบื้องขวาเสร็จแล้วก็ได้ พระสรีรังคาร เมื่อประกาศพระสรีรังคารก็ได้พระเขี้ยวฝางเมื่อประกาศพระเขี้ยวฝางแล้วได้ เปิดรอยพระพุทธบาทท่านให้เป็นขึ้นตอน เมื่อเปิดรอยพระพุทธบาทเสร็จแล้วหลวงพ่อได้สร้างมณฑปครอบรอยพระบาทสูงเท่า ช่วงปลายไม้ จากนั้นท่านก็ให้รอยพระหัตถ์ เมื่อประกาศรอยพระหัตถ์เสร็จแล้วท่านก็ให้พระพุทธรูป พระแก้วแสนคำผุดขึ้นกลางทุ่งนา เมื่อได้พระแก้วแสนคำผุดขึ้นที่กลางทุ่งนาแล้ว ท่านก็ให้พระพุทธประทานพร ในพระคัมภีร์บอกว่าถ้าพระราชามาสร้างปราสาทถวายพระพุทธองค์ได้ครึ่งหนึ่งเรา จะได้เชยชมพระพุทธเกศาของพระพุทธองค์ แต่คำว่าชมเชยไม่ใช่ได้ตลอดนะ เมื่อพระพุทธเกศาเสด็จมาท่านให้พวกเราได้ถ่ายภาพได้สักการบูชากัน แล้วเทวดาก็นำกลับสู่สรวงสวรรค์