หน้าผาประวัติศาสตร์

     หน้าผาประวัติศาสตร์  ฉะนั้นเรื่องราวเหล่านี้ในคัมภีร์ที่หลวงพ่อได้มานั้น  เพราะพระพุทธองค์ทรงทำไว้ให้เป็นหลักฐานแก่ผู้มาประกาศ  ถ้าหลวงพ่อไม่มีหนังสือคัมภีร์ก้อนเล็ก ๆ นี้ ไว้เป็นหลักฐาน  หลวงพ่อจะเอาอะไรมาเป็นหลักฐาน  ต้องมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์  ฉะนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเป็นตำนานเป็นประวัติศาสตร์  หลวงพ่อได้ถอดแบบแปลจากต้นฉบับมาพิมพ์แล้วศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ  ว่าอะไรเป็นอะไรตรงนั้นจึงประมวลเรื่องราวต่าง ๆ เข้าสู่ยุค ม.ศ.  เพราะว่าพระพุทธองค์ได้ทรงบรรจบไว้ที่กรุงโกสัมพีครั้งแรกตั้งแต่พระชนมายุ ได้ ๕๐ พรรษา  พระองค์ได้เสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทเสี่ยงทายตรงนี้ที่ภูพลานสูง  ครั้งแรก  พระพุทธองค์ได้เสด็จมาตรงหน้าผาประวัติศาสตร์  พระพุทธองค์เอาพระพุทธหัตถ์ลูบหน้าผา  แล้วพระองค์ทรงอุทานว่า “โอ้หน้าผาตรงนี้ต่อไป  จะเป็นประวัติศาสตร์” แล้วพระองค์ก้าวไปอีก ๒ก้าวเอาพระพุทธหัตถ์ทั้งสองข้างลูบหน้าผาแล้วตรัสว่า “หน้าผาตรงนี้ต่อไปจะเป็นหน้าผาประวัติศาสตร์  ขอให้สำเร็จ ขอให้สำเร็จ”  โดยมีพระมหากัสสปะ  พระมหาโมคคัลลานะ  พระสีวลียืนเป็นสักขีพยานอยู่ด้วย  จากนั้นพระพุทธองค์ทรงเสด็จพระดำเนินขึ้นไปเรื่อย ๆ  พอเสด็จขึ้นไปได้หน่อยหนึ่งพระสีวลีได้เอาสีมาทำเครื่องหมายลายแทงไว้ให้ เป็นสัญลักษณ์ของรอยพระพุทธหัตถ์  แล้วพระพุทธองค์ทรงพระดำเนินไปถึงตาน้ำ (บ่อน้ำบุ้น)   ทรงตรัสให้พระโมคคัลลานะและพระสีวลีนำก้อนหินที่ปิดทางน้ำออกทำให้มีน้ำไหล พวยพุ่งขึ้นมา  พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าน้ำตรงนี้กินกี่พันปีก็ไม่มีวันหมด  และพระพุทธองค์ได้ทรงสรงน้ำตรงนั้น