หลวงพ่อพระโตโคตะมะ

    

     ความเป็นมาของหลวงพ่อพระโตโคตะมะ ซึ่งมีประวัติมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล และด้วยเหตุใดจึงมาอุบัติเกิดขึ้นที่ตรงนี้ หลวงพ่อเล่าย้อนไปในอดีต  ขณะที่พระพุทธองค์มีพระชนมายุได้ ๕๗ พรรษา  พระองค์ได้เสด็จมาที่สุวรรณภูมิ  มาโปรดพระเทวจักร กิตฺติโก  ประธานสงฆ์ซึ่งเป็นชาวมอญอยู่ที่เมืองโคตรภู  เมืองโคตรภูเป็นเมืองเล็ก ๆ  อยู่ใกล้ภูเขา ภูเขาลูกนี้มีภูกินหมากเป็นเถาวัลย์ที่รัดกันขึ้นไปใหญ่มาก  รวมเรียกว่า”ภูกินหมาก”  ปัจจุบันก็ยังมีอยู่บนภูเขา  มีต้นนางพญางิ้วดำต้นใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น  ปัจจุบันต้นนางพญางิ้วต้นใหญ่ตายแล้วแต่ยังมีต้นลูกหลานหลงเหลืออยู่บ้างทางขึ้นไปลำบากสถานที่ตรงนั้นเป็นเขตอันตรายมีอาวุธสงครามมากมาย  มีกระสุนปืนและระเบิดมากมาย  ในสมัยที่ประเทศเขมรแตกชาวเขมรอพยพเข้ามาฝั่งไทยและฝังระเบิดไว้ตามแนวชายแดนมากมาย  เมืองโคตรภูอยู่ในเขตแดนไทยบนยอดลำโดมใหญ่  พระพุทธองค์ได้เสด็จมาโปรดพระเทวจักร กิตฺติโก  พระเทวจักรเป็นลูกศิษย์ของพระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะโปรดพระเทวจักร  จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาด้วยอิทธิฤทธิ์  พระเทวจักรเห็นพระโมคคัลลานะมีอิทธิฤทธิ์เหาะได้ก็เกิดศรัทธาขอบวชในพระศาสนาพระเทวจักรผู้มีบารมีตั้งปรารถนาไว้ว่าอยากเป็นพระพุทธเจ้าอธิษฐานอยากให้พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรด  ในยุคนั้นพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่เมืองโกสัมพีตามตำนานคัมภีร์กล่าวไว้   ในคืนวันนั้นพระพุทธองค์ทรงแผ่ข่ายพระญาณออกตรวจเวไนยสัตว์  พระเทวจักรเข้าสู่ข่ายพระญาณ  พระพุทธองค์จึงทรงเสด็จมาโปรดพระเทวจักรในวันต่อมา  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองโกสัมพี แต่พระพุทธองค์เสด็จมาโปรดพระเทวจักรที่เมืองโคตรภู  ดินแดนสุวรรณภูมิ  โดยมีพระมหากัสสปะ พระโมคคัลลานะ  พระสิวลี  พระอานนท์ เสด็จตามพระพุทธองค์มาโปรดพระเทวจักร  เมื่อโปรดเสร็จแล้วพระเทวจักรทูลขอพระนขาของพระพุทธองค์  พระพุทธองค์ทรงตัดเล็บข้างขวาพระราชทานให้แก่พระเทวจักร  ข้างซ้ายเทวดานามว่า “ราหุ”  ได้ทูลขอพระพุทธองค์ก็ได้พระราชทานให้แก่เทวดาไป  ต่อมาพระมหากัสสปะได้ทูลขออนุญาตสร้างพระพุทธรูปขึ้นมา  พระพุทธองค์ทรงอนุญาตและพระราชทานนามพระพุทธรูปองค์นั้นว่า”พระโตโคตะมะ” พระมหากัสสปะ  พระมหาโมคคัลลานะ  พระสีวลี  จึงได้รวบรวมศรัทธาพุทธบริษัทร่วมกันบริจาคเป็นเงิน  เป็นโลหะ  เป็นทองนำมาหลอมรวมกันทำเป็นพระพุทธรูปขึ้นมา มีหน้าตัก ๔ ศอก  แล้วก็บรรจุพระพุทธนขาที่พระเทวจักรได้รับพระราชทานจากพระพุทธองค์ไว้ในพระ พุทธรูปนามว่าโตโคตะมะ  หลวงพ่อเล่าว่า  พระพุทธนขาสดนี้ถ้าเรารักษาไว้ไม่เป็นก็จะไม่อยู่  สมัยนั้นเขาจะนำหิน ๓ ก้อ น ก้อนใหญ่  กลาง  เล็ก  มาวางซ้อนกัน ๓ ชั้น  แล้วนำพระพุทธรูปวางบนหิน ๓ ชั้นจึงจะอยู่ได้ถ้าอย่างนั้นพระธาตุสดจะลอยออก  ต้องตั้งไว้บนหิน ๓ ชั้น ๓ ก้อนหลังจากนั้นพระมหากัสสปะก็ได้มีคำสั่งให้บริวารดำน้ำลงไปแกะสลักพระพุทธ รูปนอน (พระพุทธองค์บรรทม)  ปางไสยาสน์  โดยมีพระอานนท์พุทธอุปัฏฐากนั่งอยู่ด้านหลังไว้ในถ้ำใต้น้ำ  ปัจจุบันรูปนั้นก็ยังมีอยู่ให้เห็น  ที่พวกเราเห็นเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์  เราจะเห็นรูปพระอานนท์นั่งอยู่ด้านหลังพระพุทธองค์นอนบรรทมอยู่  ภาพนี้ต้องดำน้ำลงไปดู  อยู่ที่บ้านแข้ด่อน  อำเภอน้ำยืน  บริเวณวังมน  ลำโดมใหญ่  นี่คือรูปพระพุทธองค์ครั้งปฐมเหมือนกัน  ท่านให้แกะสลักไว้เพื่อให้บุคคลที่ปรารถนาจะมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิอีกครั้ง เพื่อสืบพระศาสนาของพระองค์ต่อไปในเบื้องหน้า  คนที่มาอุบัติมาเปิดตรงนี้ตำนานท่านบอกว่าเป็นผู้หญิง ก็คือสมเด็จพระเทพฯ  ท่านได้เสด็จมาเปิด  หลวงพ่อเคยได้ยิน ได้ฟังมาว่ามีคนเคยพูดกันว่าสมเด็จพระเทพฯ  ทรงปรารถนาจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิมารองรับศาสนา  เพื่อสืบราชวงศ์  พระองค์ท่านก็เลยได้มาเป็นประธานเปิดภาพแกะสลักรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ใน ครั้งนั้น ย้อนไปเรื่องหลวงพ่อพระโตโคตะมะ   อยู่ต่อมาพระพุทธรูปที่ชื่อว่าหลวงพ่อพระโตโคตะมะ  ก็มีชื่อเสียงโด่งดังมาก  สมัยก่อนพระโตโคตะมะเคยแสดงธรรมโปรดมนุษย์มากมาย  แต่การไปโปรดมนุษย์ของหลวงพ่อพระโตโคตะมะโดยพระพุทธนขา  โดยพระบารมีของพระพุทธนขา  ไม่ใช่ท่านมาเทศน์ให้คนฟังเหมือนทุกวัน  หลวงพ่อพระโตโคตะมะจะเสด็จเหาะขึ้นไปบนอากาศคนเห็นก็เกิดศรัทธาเลื่อมใส  อยู่ต่อมาเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ได้ประกาศปลงอายุสังขารในวันเพ็ญเดือน ๖  ชาวบ้านชาวเมืองเมื่อได้ทราบข่าวว่าพระพุทธองค์จะปลงอายุสังขารในวันเพ็ญ เดือน ๖  ประชาชนทั้งหลายต่างก็นั่งหน้าเศร้าสร้อยหงอยเหงา  มีบางคนเกิดความคิดขึ้นมาว่า  เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว   หลวงพ่อพระโตโคตะมะจะเป็นของใคร  เจ้าเมืองต่าง ๆ ก็เกิดความโลภอยากได้  เมื่อพระพุทธองค์ดับขันธปรินิพพานไปแล้ว  เจ้าเมืองต่าง ๆ ได้รบพุ่งแย่งชิงหลวงพ่อพระโตโคตะมะ   หลวงพ่อพระโตโคตะมะไม่ยอมไปอยู่กับใครเสด็จเหาะออกจากเพดานวิหารแล้วพุ่งลง สู่แม่น้ำวังมนวังฮีแล้วจมหายไป  ไปจำพรรษาที่เมืองบาดาลตามคำอาราธนาของพญาศรีสุทโธนาคราช  ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสในหลวงพ่อพระโตโคตะมะ  เมื่อหลวงพ่อพระโตโคตะมะจมหายไปในลำน้ำ  เมืองเล็กเมืองน้อยต่างก็ไปขนเอาหินที่เมืองโคตรภู  เจ้าเมืองนครแสนคำเป็นเมืองที่มีอำนาจบารมีมากได้นำเอาหิน ๓ ก้อนที่หลวงพ่อพระโตโคตะมะนั่งประทับเอามาไว้ที่นครแสนคำ  แล้วสร้างนครแสนคำขึ้น  ส่วนเมืองเล็กเมืองน้อยที่ศรัทธา หลวงพ่อพระโตโคตะมะ  เพราะเห็นเป็นพระที่เหาะได้ก็พากันไปเก็บเอาก้อนหิน  งัดเอาหินไปสร้างบ้านสร้างเมืองกันจนหมด  จนเมืองโคตรภูเหลือแต่ซากแต่ด้านหน้าผาทางประเทศเขมรยังมีซากปรักหักพัง  มีปราสาทหินอยู่อีกมาก  แต่บนหลังเขาที่หลวงงพ่อพระโตโคตะมะอยู่ไม่มีเหลือเลย  ต่างคนต่างเอาไปไว้ที่เมืองที่บ้านของตน  จนไม่มีเหลือเพราะเขาศรัทธาที่พระพุทธรูปเหาะได้