ข้อพระหัตถ์เบื้องขวา

     หลวงพ่อภรังสีได้ทราบจากหลวงปู่ใหญ่มหาโมคคัลลานะว่า ในว้นพฤหัสบดีที่ ๒๘ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗  ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีวอก  พระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา  จะได้เสด็จออกจากปราสาทหินศาลพระพรหมถึงวันภูพลานสูงในเวลา ๐๔.๐๐ น.แล้วจะได้เสด็จลึกลงไปอยู่ใต้พื้นดิน ๙ เมตร บริเวณลานธรรม  รวมเป็นเวลา ๑๕ชั่วโมง  จากนั้นจึงเคลื่อนมาอยู่บนพระหัตถ์ของพระพุทธชินราชบนลานธรรมหลวงพ่อภรังสี  ได้เล่าเรื่องนี้เป็นการภายในแก่ผู้ใกล้ชิด  เพื่อเริ่มเตรียมการรับเสด็จอย่างเร่งด่วน  โดยได้ตระเตรียมบุษบกไว้บนศาลาวิบูลธรรมธาตานุสรณ์เพื่อเป็นสถานที่ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุนอกจากนี้  หลวงพ่อภรังสียังได้จัดให้มีการปฎิบัติธรรม  ถวายเป็นปฎิบัติบูชา  มีฆาราวาสประมาณ ๒๐๐ คนเข้าร่วมในพิธีด้วย  ฝ่ายบรรพชิตจากอำเภอน้ำยืน  มีพระอาจารย์บุญเพ็ง อธิจิตโต  ประธานสงค์วัดคีรีบรรพต  พระอาจารย์ถนอม กิตติญาโณและพระอาจารย์ประมวลเตชปัญโญ  จากวัดบ้านเปือยและพระภิกษุสามเณรรวม ๓๐ รูป  ครั้นเมื่อเวลา๑๙.๐๐ น.  หลวงพ่อภรังสี  ได้ทราบด้วยญาณวิถีว่า  บัดนี้พระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา  ได้เคลื่อนจากใต้พื้นดินบริเวณลานธรรมมาอยู่บนพระหัตถ์ของพระพุทธชินราชบน ลานธรรมแล้ว  หลวงพ่อภรังสีถือพานดอกบัว  โดยมีพระอาจารย์บุญเพ็งถือเครื่องสักการบูชาอยู่ทางด้านขวาอาจารย์น้อยน้อง ชายของหลวงพ่อภรังสีถือเครื่องสักการบูชาอยู่ทางด้านซ้ายหลวงพ่อภรังสี  ได้นำบรรพชิตและฆาราวาส  กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย  และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์  จากพระหัตถ์ของพระพุทธชินราช  มาบนพานดอกบัว  และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเสด็จนำกระบวนฆาราวาสและบรรพชิต  สู่ศาลาวิบูลธรรมธาตานุสรณ์  ฆาราวาสและบรรพชิตร่วมกันสวดบทพุทธคุณตลอดเส้นทางดำเนินสู่ศาลาวิบูลธรรมธา ตานุสรณ์  จากนั้นได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา  เสด็จขึ้นประดิษฐานบนบุษบก  พระสงฆ์สวดเจริญชัยมงคลคาถา   หลังจากรับเสด็จพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวาเรียบร้อยแล้วทางวัด ภูพลานสูง ได้จัดพิมพ์ภาพพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา  แจกจ่ายให้กับสาธุชนผู้มีศรัทธาโดยทั่วไปและในวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๗  ทางวัดภูพลานสูงจัดให้มีงานทอดกฐินสามัคคี  หลังจากเสร็จงานคุณปัญญาอุจฉกรรก์ ไ ด้นำภาพถ่ายของพระบรมสารีริกธาตุ  ไปถวายพระราชพิพัฒนาทร(ถาวร จิตตถาวโร)  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร  กรุงเทพมหานคร  เป็นเหตุให้ท่านเกิดความเลื่อมใสศรัทธา  เดินทางมาสักการพระบรมสารีริกธาตุด้วยตนเอง  เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายนพ.ศ.๒๕๔๗ และได้ปรารภว่าอยากจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ  ไปประดิษฐานเป็นการชั่วคราว  ณ ศาลาพระราชศรัทธา  วัดปทุมวนาราม  เพื่อประกาศเผยแพร่ต่อชาวพุทธในกรุงเทพมหานคร  ให้ได้มีโอกาสมาสักการบูชา   เพื่อความเป็นสิริมงคล  หลวงพ่อภรังสีก็มิได้ขัดศรัทธาของหลวงพ่อถาวรจิตตถาวโร  แต่อย่างใดและจัดให้มีพิธีอัญเชิญเสด็จพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้อง ขวา  จากวัดภูพลานสูง  สู่ศาลาพระราชศรัทธาในวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๘  ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา จากนั้นทางวัดปทุมวนาราม  ได้จัดให้มีการประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่างๆจนมีพุทธศาสนิกชนจากทั่วโลก  มาสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุอย่างไม่ขาดสายผลในทางบวก  หลวงพ่อถาวร จิตตถาวโร   ได้รับปัจจัยบูชาพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา  ในระหว่างที่ประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่ศาลาพระราชศรัทธา  วัดปทุมวนาราม  จากสาธุชนเป็นเงินมากกว่า ๒๐๐ ล้านบาท  ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน  หลวงพ่อถาวรจิตตถาวโร ได้นิมนต์หลวงพ่อภรังสีไปในงานบุญที่วัดปทุมวนารามและหลวงพ่อถาวร  ได้ประกาศยกย่องหลวงพ่อภรังสีว่าเป็นผู้ที่ทำให้ทางวัด  สามารถใช้หนี้สินได้ถึง ๒๐๐ ล้านบาท  เงินจำนวนนี้  เกิดอีกกี่ชาติก็ใช้หนี้ได้ไม่หมด  จะไม่มีวันลืมพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวาและหลวงพ่อภรังสีจนถึง วันตาย  นอกจากนั้นหลวงพ่อถาวร  ยังได้ให้คำมั่นว่า  จะสนับสนุนกิจกรรมทุกอย่างของหลวงพ่อภรังสีย้อนหลังไปในปี พ.ศ.๒๕๔๘  มีเรื่องราวที่ควรบันทึกแทรกไว้ในเหตุการณ์ระหว่างนี้ว่า  ในวันที่ ๑๗กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๘  จอมพญานาคนามว่า  ศรีสุทโธ ได้นำลูกแก้ว ๕ ลูก  มาถวายหลวงพ่อภรังสีเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ  และอดีตเจ้าเมืองพนมรุ้ง  ก็ได้ถวายลูกแก้วเพิ่มอีก ๒ ลูก  หลวงพ่อภรังสีได้เล่าว่า  ท่านเคยนิมิตเห็นปราสาทหินผุดขึ้นมากลางสระน้ำหนองแคน  ขณะเดียวกันก็มีเสียงบอกตามมาว่านี้คือ  ปราสาทหินพนมรุ้ง  ซึ่งท่านไม่เคยไปเห็นมาก่อน  พอดีช่วงเวลานั้นมีพันเอกประสิทธิ์ สว่างวงศ์  ซึ่งเป็นลูกศิษย์นำภัตตาหารมาถวายและอาสาพาไปชมปราสาทหินพนมรุ้ง  คณะได้เดินทางมาถึงปราสาทเวลาประมาณบ่าย ๓ โมง  ได้เกิดเหตุการณ์แปลกๆขึ้นที่ชายผู้หนึ่งนัยว่าถูกเจ้าเมืองพนมรุ้งเข้าสิง  ตรงเข้ามากอดหลวงพ่อภรังสีและพร่ำรำพรรณว่าท่านเป็นลูก  นักท่องเที่ยวที่อยู่ในเหตุการณ์นี้  พากันประหลาดใจ  หลวงพ่อภรังสีค้นพบว่า  ท่านเคยเกิดเป็นเจ้าหญิงพนมรุ้ง  ลูกสาวของท้าวศรีสุริยะ  เทพอินทร  อดีตเจ้าเมืองพนมรุ้ง เมื่องหลวงพ่อภรังสีเดินทางกลับ   อดีตเจ้าเมืองก็ตามาส่งด้วย  แต่พอมาเจออาจารย์น้อย  น้องชายของหลวงพ่อภรังสี  อดีตเจ้าเมืองพนมรุ้ง  ก็พยายามสื่อให้ทราบทางมิติของวิญญาณว่า  ในอดีตอาจารย์น้อย  ก็เคยเป็นลูกด้วยเช่นกันในต้นเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๙  ทางวัดปทุมวนารามได้แจ้งให้ทราบว่าคณะศิษย์ของหลวงพ่อถาวร  จะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวากลับมาส่งคืนวัดภูพลาน สูงในวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๙  สร้างความปลาบปลื้มปิติยินดีให้กับพระเณรและฆาราวาสที่วัดภูพลานสูงเป็น อย่างยิ่ง  ในตอนเช้าตรู่ของวันเสด็จกลับ  ฝนตกลงมาที่วัดภูพลานสูงอย่างหนัก  ชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลย  พุทธศาสนิกชนได้หลั่งไหลขึ้นสู่วัดภูพลานสูง  เพื่อรอการเสด็จกลับขบวนส่งเสด็จพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา  เดินทางมาถึงวัดภูพลานสูงในเวลา ๑๘.๐๐ น. หลวงพ่อภรังสี  นำคณะสงฆ์และญาติโยม  ตั้งแถวรอรับเสด็จและพากันเจริญชัยมงคลคาถา  เมื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงจากรถหลังจากนั้นหลวงพ่อภรังสีถือผอบที่ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน  เดินขึ้นสู่ลานธรรมท่ามกลางบรรยกาศแห่งความปิติปราโมทย์  หลวงพ่อภรังสีมอบผอบให้กับประธานในพิธี  คือ  เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี  พระเดชพระคุณพระเทพกิตติมุนีซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทน  เจ้าคณะภาค ๑๐พระธรรมปริยัติโสภณเมื่อประดิษฐานชั่วคราวบนพานที่เตรียมไว้บนลานธรรม  ได้มีการกล่าวขอขมาพระรัตนตรัยและกล่าวคำบูชาพระบรมสารีริกธาตุเป็นอันเสร็จ พิธีช่วงเย็น  ในเวลาค่ำมีการปฏิบัติบูชาตลอดทั้งคืนและในงานนี้  ได้มีหลวงปู่เณรคำผู้ปฏิญาณอรหัตตผลตั้งแต่วัยหนุ่มจากวัดป่าขันติธรรม  มาแสดงธรรมโปรดสาธุชนด้วยหลวงปู่เณรคำเคยมากราบพระบรมสารีริกธาตุครั้งหนึ่ง แล้ว  ท่านแสดงความรู้สึกในการมาวัดภูพลานสูงว่า  รู้สึกปิติ  เมื่อได้มากราบพระบรมสารีริกธาตุเป็นที่น่าอัศจจรรย์  ไม่เคยเห็นพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ขนาดนี้  เราไม่ได้เคลือบแคลงสงสัยในพระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาที่วัดภูพลานสูงเลย