ยังไม่มีข้อมูล… Read More »
Author Archives: Administrator
พระสรีรังคารธาตุ
หลวงพ่อภรังสี ได้ปรารภให้ผู้ใกล้ชิดฟังอยุ่เสมอว่า พระบรมสารีริกธาตุพระสรีรังคาร ถูกอัญเชิญมาจากประเทศอินเดียพร้อมกับพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้อง ขวาล้วนเป็นพระบรมสารีริกธาตุองค์เอก เพราะมีขนาดใหญ่กว่าพระบรมสารีริกธาตุทั่วๆไป พระเทวจักร กิตติโก ได้นำไปซ้อนไว้ที่ปราสาทหินศาลพระพรหม พร้อมๆกับพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา โดยมีเทวยักษ์อาสาเป็นผู้ดูแลและจะเสด็จจากปราสาทหินศาลพระพรหม มาสู่วัดภูพลานสูงเช่นเดียวกับพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวาที่ เสด็จมาก่อนหน้านี้แล้วต่อมา ในวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๘ เวลา ๑๗.๓๐ น. พระบรมสารีริกธาตุสรีรังคาร ได้เสด็จมาบริเวณหน้าพระพุทธรูปพระสังกัจจายน์ ที่วัดภูพลานสูง ในเบื้องต้น หลวงพ่อภรังสีได้อัญเชิญเสด็จมาไว้ที่กุฏิและได้พาคณะศิษย์ทั้งบรรพชิตและฆา ราวาสร่วมกันถวายการสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ ต่อจากนั้นจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสรีรังคาร ขึ้นประดิษฐานในบุษบกบนศาลาวิบูลธรรมธาดานุสรณ์ Read More »
ข้อพระหัตถ์เบื้องขวา
หลวงพ่อภรังสีได้ทราบจากหลวงปู่ใหญ่มหาโมคคัลลานะว่า ในว้นพฤหัสบดีที่ ๒๘ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีวอก พระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา จะได้เสด็จออกจากปราสาทหินศาลพระพรหมถึงวันภูพลานสูงในเวลา ๐๔.๐๐ น.แล้วจะได้เสด็จลึกลงไปอยู่ใต้พื้นดิน ๙ เมตร บริเวณลานธรรม รวมเป็นเวลา ๑๕ชั่วโมง จากนั้นจึงเคลื่อนมาอยู่บนพระหัตถ์ของพระพุทธชินราชบนลานธรรมหลวงพ่อภรังสี ได้เล่าเรื่องนี้เป็นการภายในแก่ผู้ใกล้ชิด เพื่อเริ่มเตรียมการรับเสด็จอย่างเร่งด่วน โดยได้ตระเตรียมบุษบกไว้บนศาลาวิบูลธรรมธาตานุสรณ์เพื่อเป็นสถานที่ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุนอกจากนี้ หลวงพ่อภรังสียังได้จัดให้มีการปฎิบัติธรรม ถวายเป็นปฎิบัติบูชา มีฆาราวาสประมาณ ๒๐๐ คนเข้าร่วมในพิธีด้วย ฝ่ายบรรพชิตจากอำเภอน้ำยืน มีพระอาจารย์บุญเพ็ง อธิจิตโต ประธานสงค์วัดคีรีบรรพต พระอาจารย์ถนอม กิตติญาโณและพระอาจารย์ประมวลเตชปัญโญ จากวัดบ้านเปือยและพระภิกษุสามเณรรวม ๓๐ รูป ครั้นเมื่อเวลา๑๙.๐๐ น. หลวงพ่อภรังสี ได้ทราบด้วยญาณวิถีว่า บัดนี้พระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา ได้เคลื่อนจากใต้พื้นดินบริเวณลานธรรมมาอยู่บนพระหัตถ์ของพระพุทธชินราชบน ลานธรรมแล้ว หลวงพ่อภรังสีถือพานดอกบัว โดยมีพระอาจารย์บุญเพ็งถือเครื่องสักการบูชาอยู่ทางด้านขวาอาจารย์น้อยน้อง ชายของหลวงพ่อภรังสีถือเครื่องสักการบูชาอยู่ทางด้านซ้ายหลวงพ่อภรังสี ได้นำบรรพชิตและฆาราวาส กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์ จากพระหัตถ์ของพระพุทธชินราช มาบนพานดอกบัว และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเสด็จนำกระบวนฆาราวาสและบรรพชิต สู่ศาลาวิบูลธรรมธาตานุสรณ์ ฆาราวาสและบรรพชิตร่วมกันสวดบทพุทธคุณตลอดเส้นทางดำเนินสู่ศาลาวิบูลธรรมธา ตานุสรณ์ จากนั้นได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา ... Read More »
พระพุทธทันตะ(พระเขี้ยวฝาง)
พระพุทธทันตะได้เสด็จมาพร้อมกับพระพุทธโลหิต สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับหลวงพ่อเป็นอย่างมาก หลวงพ่อไม่ทราบมาก่อนว่าพระพุทธทันตะจะเสด็จมาด้วย ดังนั้นหลวงพ่อจึงไปกราบเรียนถามหลวงปู่ใหญ่โมคคัลลานะเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงได้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธธาตุสดขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ ยังไม่ถูกเผาในโลกนี้มีอยู่ ๓ องค์ด้วยกันคือ -พระพุทธนขา -พระพุทธโลหิต -พระพุทธทันตะ เมื่อหลวงพ่อได้พบกับพระพุทธนขาที่บรรจุอยู่ในหลวงพ่อพระโตโคตะมะ จึงเป็นเหตุให้ได้พบกับพระพุทธโลหิตและพระพุทธทันตะ เพราะตามตำนาน พระพุทธธาตุสดทั้ง ๓ องค์ต้องมาอยู่รวมกัน เพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาให้ครบห้าพันปีเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธทันตะเกิด ขึ้นตอนที่พระพุทธองค์มีพระชนมายุได้ ๕๘ พรรษา พระพุทธองค์ทรงปวดพระทนต์ ฟันกรามข้างขวาซี่ในสุด ปวดฟันฟันเป็นแมง ในพระไตรปิฏกบอกว่า พระพุทธองค์ปวดฟัน แต่ไม่ทราบว่าปวดแล้วถอนฟันไปไว้ที่ไหน ตามตำนานบอกว่าพระพุทธองค์ปวดฟันได้ไปนอนพักอยู่ที่เขาคิชณกูฏ พระพุทธองค์รับสั่งให้หมอชีวกเข้าเฝ้า มีพระโมคคัลลานะเป็นที่ปรึกษา ช่วงเวลานั้นบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ มาเฝ้าไข้พระพุทธองค์มากมาย เมื่อหมอชีวกเข้าไปถวายพระโอสถเสร็จแล้ว ก็ออกมาประกาศว่า ท่านทั้งหลายอย่าได้อยู่รบกวนพระพุทธองค์เลย ตอนนี้พระพุทธองค์ทรงพักผ่อนบรรทมอยู่และเรามียาดีแปะไปแล้วฟันพระพุทธองค์ ดีเหมือนเดิม เจ้าเมืองต่าง ๆเชื่อหมอชีวกต่างพากันกลับบ้านเมืองไปอย่างหน้าอ๋อย (หน้าอ๋อยเป็นภาษาอีสาน) พระพุทธองค์ทรงบันดาลให้หมอชีวกออกไปประกาศอย่างนั้น ด้วยพระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นเหตุวุ่นวายอันเกิดจากพระทนต์ของพระองค์พระ พุทธองค์ก็เลยยังไม่ถอนตอนนั้นต่อมาในเวลาเที่ยงคืนพระองค์ตรัสเรียกหมอชีวก และพระโมคคัลลานะเข้ามาพบ เมื่อทั้ง ๒ เข้าไปพบพระพุทธองค์ได้เห็นเลือดของพระพุทธองค์ออกมาเต็มกระพุ้งแก้ม พระโมคคัลลานะจึงนำพานทองมารองรับพระพุทธทันตะ แล้วพระพุทธองค์สั่งให้พระโมคคัลลานะนำไปเก็บรักษาไว้ เทวดาก็จ้องมองจะเอาเหมือนกัน พระโมคคัลลานะนำไปเก็บซุกซ่อนไว้โดยไปเก็บไว้ใต้หิน ๓ ก้อนที่ถ้ำสุกรขาตา เขาคิชฌกูฏประเทศอินเดีย เมื่อพระโมคคัลลานะนำไปเก็บเรียบร้อยแล้วพระพุทธองค์ตรัสถามพระโมคคัลลานะ ว่าเธอได้เก็บพระพุทธทันตะไว้ที่ใด พระโมคคัลลานะตอบว่า ... Read More »
พระพุทธโลหิต
หลวงพ่อเล่าให้ผู้เขียนฟังถึงเรื่องพระพุทธโลหิตและพระพุทธทันตะว่า หลังจากที่หลวงพ่อได้พบกับหลวงพ่อพระโตโคตะมะและหลวงปู่โมคคัลลานะ และได้ประกาศเผยแผ่เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธนขา ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้หลวงพ่อได้สัมผัสกับพระรัศมีของพระพุทธโลหิตที่วัดภู พลานสูง เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ บรรดาพระลูกศิษย์และญาติโยมได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานจากนั้นหลวงพ่อได้ไป สอบถามเรื่องราวของพระพทธโลหิตจากหลวงปู่ใหญ่โมคคัล ลานะ ทำให้หลวงพ่อได้ทราบกำหนดวันเสด็จมาของพระพุทธโลหิต ซึ่งจะเสด็จมาที่วัดภูหลานสูงช่วงวันออกพรรษา คือ วันขึ้น๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ หลวงพ่อจึงได้บอกข่าวมหากุศลแก่บรรดาศิษยานุศิษย์เพื่อเตรียมการรับเสด็จ ก่อนจะถึงวันรับเสด็จพระพุทธโลหิต หลวงพ่อได้รับคัมภีร์โบราณ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เมื่อหลวงพ่อศึกษาพระคัมภีร์โบราณนั้นทำให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับพระพุทธ โลหิตชัดเจนยิ่งขึ้น พระพุทธโลหิตองค์นี้เป็นพระพุทธโลหิตที่พระพุทธองค์ทรงอาเจียนหลังจากที่ฉัน อาหารสุกรมัทวะ ที่นายจุนทะนำมาถวาย เมื่อพระพุทธองค์ทรงอาเจียนออกมาเป็นพระพุทธโลหิต พระอานนท์ซึ่งเป็นพุทธอุปัฏฐากได้เก็บรักษาไว้ เทวดาเห็นเข้าจึงได้ขอพระอานนท์ พระอานนท์ขณะนั้นไม่มีกะจิตกะใจอะไร เพราะเป็นห่วงพระพุทธองค์ เมื่อเทวดาขอพระพุทธโลหิตก็มอบให้เทวดาไป ขณะนั้นเองพระยายักษ์เห็นจึงได้เข้ามาขอต่อจากเทวดา เทวดาจึงมอบให้พระยายักษ์นำพระพุทธโลหิตไปเมืองพยัคฆอินแปลง ประดิษฐานไว้บนยอดปราสาท พระพุทธโลหิตอยู่ในการอารักขาของพระยายักษ์ตลอดมาจนกระทั่งได้มาปรากฏเปล่ง รัศมีที่วัดภูพลานสูงการที่พระพุทธโลหิตมาปรากฏนี้ หลวงปู่ใหญ่โมคคัลลานะได้บอกหลวงพ่อว่า ท่านจะนำมามอบให้ด้วยมือท่านเอง พอถึงวันที่ ๒๑กันยายน ๒๕๔๙ ตรงกับวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ เวลา ๑๖.๐๐ น. หลวงพ่อได้รับโทรศัพท์จากพระลูกศิษย์ที่วัดป่าคำบอนว่า ที่รูปปั้นหลวงปู่ใหญ่โมคคัลลานะมีวัตถุบางอย่างวางอยู่ที่มือของรูปปั้น ... Read More »
บ่อน้ำบุ้น
เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์เสด็จมาที่หน้าผาภูพลานสูง สุวรรณภูมิ เพื่อโปรดพระเทวจักร กิตฺติโก พระมหากัสสปะและพระมหาโมคคัลลานะ ได้กราบทูลให้พระพุทธองค์ทรงสรงน้ำที่บริเวณหน้าถ้ำมังกร แต่พระพุทธองค์ทรงตรัสห้าม เพราะสถานที่นั้นมีน้ำไม่เพียงพอ พระพุทธองค์ได้เสด็จไปบริเวณหน้าผาลายแทง ซึ่งพระสีวลีได้เขียนลายแทงไว้เพื่อเป็นหลักฐาน การเสด็จมาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ สถานที่แห่งนี้เพื่อเป็นหลักฐานการเสด็จมาของพระพุทธองค์จากนั้นพระองค์ได้ เสด็จสู่ยอดเขาทรงตรัสให้พระโมคคัลลานะและพระสีวลีนำก้อนหินที่ปิดทางน้ำออกทำให้มีน้ำไหลพวยพุ่งออกมากลายเป็นบ่อน้ำบุ้นมาจนถึงปัจจุบัน และพระพุทธองค์ได้ทรงสรงน้ำที่บ่อน้ำบุ้นนี้ Read More »
รอยพระพุทธบาท(การค้นพบ)
รอยพระพุทธบาท จากนั้นพระองค์ก็เสด็จมาเพื่อประทับรอยพระพุทธบาท พระพุทธองค์สั่งให้พระมหาโมคคัลลานะกับสีวลีจัดเตรียมสถานที่ที่จะประทับรอย พระพุทธบาทเพื่อเสี่ยงทายหาผู้ที่จะมารองรับศาสนาของพระพุทธองค์ในยุคนั้น ก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จมาที่สุวรรณภูมิ (ภูพลานสูง) ในครั้งนั้น พระสารีบุตรนั่งเป็นประธานสงฆ์อยู่ที่เมืองโกสัมพี พระพุทธองค์มีประสงค์จะไม่ให้พระสารีบุตรตามไปด้วย เพราะถ้าพระสารีบุตรตามพระพุทธองค์มาด้วย พระสารีบุตรจะต้องบันทึกเรื่องราวนี้เข้าไปอยู่ในพระไตรปิฏก ตรงนี้พระโมคคัลลานะเป็นผู้ขอร้องเรื่องนี้ ดังนั้นพระพุทธองค์จึงให้พระสารีบุตรไปดูงานที่อื่น จากนั้นพระพุทธองค์ก็ได้เสด็จจากเมืองโกสัมพีมาที่สุวรรณภูมิ โดยมีพระโมคคัลลานะ พระมหากัสสปะ พระสีวลีตามเสด็จพระพุทธองค์ เมื่อพระสารีบุตรไปดูงานเสร็จกลับมาถึงวัดก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จกลับ พระสารีบุตรไม่เห็นพระพุทธองค์ ได้ถามพระเณรว่าเห็นพระพุทธองค์ไหม รู้ไหมว่าพระพุทธองค์อยู่ที่ใด ทำไมเรามองไม่เห็น พระสารีบุตรมองยังไงก็มองไม่เห็น ส่งญาณไปที่ไหนก็มองไม่เห็น พระสารีบุตรก็งงในช่วงนั้น พระโมคคัลลานะได้ใช้อำนาจฤทธิ์ปิดบังพระสารีบุตรไม่ให้เห็นพระพุทธองค์ ส่วนพระสีวลีได้ไปเอาดินจากประเทศอินเดีย พระโมคคัลลานะได้ไปเอาแร่เงินแร่คำ (ทองคำ) ทองคำขาว ทองคำมารวมกันเอามามูลใส่ด้วยกัน แล้วนิมนต์พระพุทธองค์ประทับรอยพระบาทจากนั้นพระพุทธองค์ทรงเสี่ยงทายหาผู้ ที่จะมารองรับพระศาสนาของพระองค์ ในครั้งนั้นพระพุทธองค์จึงได้พบกับกรรมมหาฤทธิ์พญานาค ขึ้นมาจากบาดาลตรงบ่อน้ำบุ้น ได้ขึ้นมากอดพระบาทพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “ดูก่อนกรรมมหาฤทธิ์ เ ธอมีบุญมากล้น ทำไมไปแฝงตนในคราบสัตว์เดรัจฉานเล่า เธอปรารถนาสิ่งใดหรือกรรมมหาฤทธิ์” กรรมมหาฤทธิ์ได้ทูลตอบพระพุทธองค์ว่า “ข้าพระพุทธเจ้าปรารถนาที่จะมารองรับพระศาสนาของพระองค์ในกึ่งศตวรรษ” “ดีแล้ว กรรมมหาฤทธิ์เราจะให้แก่เธอ เพราะเธอบำเพ็ญตบะบารมีมา๓๒ ชาติเท่ากับอาการ ๓๒ ของมนุษย์ เราจะให้แก่เธอกรรมมหาฤทธิ์” เสร็จแล้วกรรมมหาฤทธิ์ก็กลับไปเมืองบาดาลพร้อมพญาศรีสุทโธนาคราชหลังจากนั้น เมื่อพระพุทธองค์ทรงทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ได้แยกทางกับพระมหากัสสปะ พระสีวลีเดินทางกลับไปเมืองโกสัมพี ส่วนพระพุทธองค์กับพระโมคคัลลานะลงไปโปรดกรรมมหาฤทธิ์ยังเมืองบาดาล เมื่อถึงเมืองบาดาลพระองค์ทรงแสดงธรรมโปรดกรรมมหาฤทธิ์ ... Read More »
หน้าผาประวัติศาสตร์
หน้าผาประวัติศาสตร์ ฉะนั้นเรื่องราวเหล่านี้ในคัมภีร์ที่หลวงพ่อได้มานั้น เพราะพระพุทธองค์ทรงทำไว้ให้เป็นหลักฐานแก่ผู้มาประกาศ ถ้าหลวงพ่อไม่มีหนังสือคัมภีร์ก้อนเล็ก ๆ นี้ ไว้เป็นหลักฐาน หลวงพ่อจะเอาอะไรมาเป็นหลักฐาน ต้องมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ฉะนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเป็นตำนานเป็นประวัติศาสตร์ หลวงพ่อได้ถอดแบบแปลจากต้นฉบับมาพิมพ์แล้วศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ ว่าอะไรเป็นอะไรตรงนั้นจึงประมวลเรื่องราวต่าง ๆ เข้าสู่ยุค ม.ศ. เพราะว่าพระพุทธองค์ได้ทรงบรรจบไว้ที่กรุงโกสัมพีครั้งแรกตั้งแต่พระชนมายุ ได้ ๕๐ พรรษา พระองค์ได้เสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทเสี่ยงทายตรงนี้ที่ภูพลานสูง ครั้งแรก พระพุทธองค์ได้เสด็จมาตรงหน้าผาประวัติศาสตร์ พระพุทธองค์เอาพระพุทธหัตถ์ลูบหน้าผา แล้วพระองค์ทรงอุทานว่า “โอ้หน้าผาตรงนี้ต่อไป จะเป็นประวัติศาสตร์” แล้วพระองค์ก้าวไปอีก ๒ก้าวเอาพระพุทธหัตถ์ทั้งสองข้างลูบหน้าผาแล้วตรัสว่า “หน้าผาตรงนี้ต่อไปจะเป็นหน้าผาประวัติศาสตร์ ขอให้สำเร็จ ขอให้สำเร็จ” โดยมีพระมหากัสสปะ พระมหาโมคคัลลานะ พระสีวลียืนเป็นสักขีพยานอยู่ด้วย จากนั้นพระพุทธองค์ทรงเสด็จพระดำเนินขึ้นไปเรื่อย ๆ พอเสด็จขึ้นไปได้หน่อยหนึ่งพระสีวลีได้เอาสีมาทำเครื่องหมายลายแทงไว้ให้ เป็นสัญลักษณ์ของรอยพระพุทธหัตถ์ แล้วพระพุทธองค์ทรงพระดำเนินไปถึงตาน้ำ (บ่อน้ำบุ้น) ทรงตรัสให้พระโมคคัลลานะและพระสีวลีนำก้อนหินที่ปิดทางน้ำออกทำให้มีน้ำไหล พวยพุ่งขึ้นมา พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าน้ำตรงนี้กินกี่พันปีก็ไม่มีวันหมด และพระพุทธองค์ได้ทรงสรงน้ำตรงนั้น Read More »
รอยพระหัตถ์พระพุทธเจ้า
ตามประวัติเมื่อพระพุทธองค์มีพระชนมายุได้ ๕๐ พรรษาพรรษาที่ ๑๖ พระองค์ทรงทราบด้วยพระสัพพัญญุตญาณว่า ในอนาคตข้างหน้าศาสนาของพระองค์จะมาเจริญรุ่งเรือง ณ ดินแดนสุวรรณภูมิในกึ่งศตวรรษ ดังนั้นพระพุทธองค์พร้อมด้วยพระอรหันตสาวกมีพระมหากัสสปะ พระมหาโมคคัลลานะ พระสีวลี พระมหากัจจายนะ พระอานนท์ ได้เสด็จมายังภูพลานสูง ดินแดนสุวรรณภูมิประเทศ เพื่อแสดงธรรม โปรดพระเทวจักร กิตฺติโก ผู้เป็นประธานสงฆ์ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึงภูพลานสูงแล้ว ได้เสด็จไปบริเวณหน้าผาทางด้านทิศตะวันตกของภูพลานสูง ทรงเอาฝ่าพระพุทธหัตถ์เบื้องซ้ายลูบหน้าผา พร้อมกับตรัสว่า “ในอนาคตเบื้องหน้ากึ่งพุทธกาลสถานที่ตรงนี้จะเป็นหน้าผาประวัติศาสตร์” แล้วเสด็จไปทางทิศทักษิณ ๒ ก้าวทรงลูบหน้าผาด้วยฝ่าพระพุทธหัตถ์ทั้งสองข้าง พร้อมประทานพรว่า “ขอให้สำเร็จ ขอให้สำเร็จ” ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงลูบหน้าผานั้น แผ่นหินได้เกิดปฏิกิริยาขึ้นมารองรับรอยพระพุทธหัตถ์ จากนั้นพระมหากัสสปะได้นำต้นเหนี่ยงจากประเทศอินเดียมาปลูกไว้ที่หน้าถ้ำ มังกร ต้นไม้นี้มีเพียงต้นเดียวในภูเขาลูกนี้ Read More »
รายชื่อวัดที่ร่วมสร้างหลวงพ่อพระโตโคตะมะ
รายชื่อวัดที่ สร้างหลวงพ่อพระโตโคตะมะ ขนาดหน้าตัก 9 เมตร สูง 16 เมตรในโครงการหล่อพระสืบชะตาหลวงเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา สืบพระศาสนา และน้อมถวายเป็นพระราชกุศล 1.วัดแสนชะนี บ้านแสนชะนี ต.พรสวรรค์ อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี สร้างเมื่อ พ.ศ. 2549 (พระโตโคตะมะองค์ปฐม) พระธรรมธรภรังสี ฉนฺทโร เจ้าอาวาสวัดภูพลานสูง 2.วัดจอมแจ้ง บ้านแก่งม่วง ต.น้ำทูน อ.ท่าลี่ จ.เลย องค์ต้นแบบพิมพ์ ฉลองพิมพ์วันที่ 19 – 20 กรกฎาคม 2554 พระปลัดสัจจา สุทธจิตโต เจ้าอาวาส 3.วัดโพนทอง บ้านห้วยเดื่อ ต.น้ำทูน อ.ท่าลี่ จ.เลย สร้างเมื่อ วันที่ 12 – 14 กรกฎาคม 2554 พระปลัดชัยรัตน์ ภูริปัญโญ (หลวงปู่มุณีน้อย) เจ้าอาวาส 4.วัดเกาะแก้วศิวิไลซ์ บ้านโนนกลาง ต.โนนกลาง อ.พิบูลย์มังสาหาร จ.อุบลราชธานี สร้างเมื่อ วันที่ ... Read More »