ในบรรดาสิ่งสำคัญที่บังเกิดขึ้นในยุคสุริยะธาตุปรากฏนั้น หลวงพ่อได้ พบสิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่เรื่องราวต่าง ๆ ที่จะมาปรากฏขึ้นที่วัดภูพลานสูง สิ่งนั้นก็คือ “คัมภีร์โบราณ” จากที่หลวงพ่อเล่าให้ฟังและจากข้อมูลที่บรรดาพระลูกศิษย์ของหลวงพ่อได้รวบ รวมไว้ พอจะทราบที่มาของคัมภีร์นี้ หลวงพ่อเล่าว่าคัมภีร์โบราณนี้เกิดมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จมาโปรดพระเทวจักร เมื่อพระพุทธองค์โปรดพระเทวจักรแล้ว พระเวจักรได้บันทึกเรื่องราวประวัติความเป็นมาของพระบรมธาตุ คำทำนายเกี่ยวกับวัดภูพลานสูงอดีตที่ผ่านมาเมื่อ พ.ศ. ๘ ได้มีการนำพระคัมภีร์นี้มาเก็บรักษาไว้ที่พระธาตุพนม อยู่ต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๕ พระครูวิโรจน์รัตโนบล หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล พระเถระทั้ง ๒ องค์ได้เดินทางไปบูรณะองค์พระธาตุพนมและได้พบกับคัมภีร์โบราณ เป็นการรู้เห็นกัน ๒ องค์เท่านั้น ทั้งสององค์คิดว่าจะทำอย่างไรกับคัมภีร์นี้ เมื่ออ่านดูและรู้เรื่องราวต่าง ๆ หลวงปู่เสาร์จึงได้บอกให้ครูวิโรจน์ฯ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับคัมภีร์โบราณต่าง ๆ และเป็นเจ้าคณะจังหวัด มีลูกศิษย์และบริวารมาก หลวงปู่เสาร์จึงให้พระครูวิโรจน์ฯ เก็บรักษาไว้ พระครูวิโรจน์ฯ จึงได้นำคัมภีร์มาเก็บรักษาไว้ที่หอไตร วัดทุ่งเมืองศรี จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากที่พระครูวิโรจน์ฯ ท่านมรณภาพแล้ว ไม่มีใครได้เห็นหนังสือหรือพระคัมภีร์นี้อีกเลยจนกระทั่งเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๘ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีระกา หลวงพ่อได้รับพระคัมภีร์โบราณส่วนที่ ๑ จำนวน ๔ แผ่น ... Read More »
Author Archives: Administrator
ประวัติพระครูวิเวกธรรมรังษี
พระครูสมุห์ภรังสี ฉนฺทโร ประธานสงฆ์แห่งวัดภูพลานสูงหรือที่ชาวบ้านและคนทั่วไปจะรู้จักในนาม “หลวงพ่อภรังสี” ท่านเป็นคนนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานีโดยกำเนิด ท่านถือกำเนิดในตระกูลชาวนา ที่บ้านคำบอน ตำบลตูม อำเภอนาจะหลวย ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๐๕ ท่านเป็นเด็กที่มีอุปนิสัยพูดจาฉะฉาน เสียงดังมีความเชื่อมั่นในตัวเอง พ่อแม่พี่น้องมักจะเกรง แม้แต่สัตว์เลี้ยงต่างก็กลัวเกรง ท่านจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ ได้ออกมาช่วยบิดามารดาทำงาน จนกระทั่งอายุ ๑๘ ปี ท่านเกิดความเบื่อหน่ายในเพศฆราวาสเห็นโทษเห็นภัยในการครองเรือน จึงได้มาบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ที่วัดศรีพรหม อำเภอนาจะหลวย โดยมีพระครูอุดมคุณาภรณ์ (สุก) อดีตเจ้าคณะอำเภอนาจะหลวย เป็นพระอุปัชญาย์ และได้ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระอุปัชญาย์ในช่วงกลางพรรษาสามเณรภรังสีได้ไปพบ ภาพถ่ายของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จึงน้อมจิตไปในสายทางแห่งการปฏิบัติธรรม คืนหนึ่งได้เกิดนิมิตว่า ได้เดินขึ้นไปที่วัดภูพลานสูง เห็นแสงสว่างไปทั่วภูเขา และเห็นพระอริยะเจ้าเดินจงกรมเป็นแถว และได้ยินเสียงเทวดาบอกว่า “นี่คือ วังพระนิพพาน” เมื่อสอบนักธรรมเสร็จสามเณรภรังสีจึงได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่วัดภูพลานสูง เพื่อพิสูจน์นิมิตให้รู้ว่าวังพระนิพพานอยู่ที่ใด และได้อยู่ร่วมปฏิบัติธรรมเป็นเวลา ๑๐ วัน ทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในหลักธรรมคำสอนมากยิ่งขึ้น ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีพระครูพิพัฒนโกศลเป็นพระอุปัชญาย์ การอุปสมบทของท่านนั้นไม่มีใครเป็นเจ้าภาพ ท่านไปหาเก็บเอาจีวรเก่า ๆ ที่เขาทิ้งเอาซักมาย้อมใหม่ บาตรก็เป็นบาตรเก่าที่ทะลุ ท่านก็เอาสีผึ้งมาอุด ทำถลกบาตรใส่ อัฐบริขารต่าง ... Read More »
ประวัติวัดภูพลานสูง
วัดภูพลานสูงเป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ประกาศจัดตั้งวัดภูพลานสูงเป็นวัดในพระพุทธ ศาสนา เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐ สถานที่ตั้งวัดตั้งอยู่บนยอดเขาพลานสูง (คำว่าพลานสูง หมายถึงลานหินกว้าง) เทือกเขาภูจอง ห่างจากอำเภอนาจะหลวยไปทางทิศตะวันออกประมาณ ๔ กิโลเมตร วัดนี้อยู่ในความอุปถัมภ์ของชาวบ้านหลักเมือง ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี และทางคณะสงฆ์ได้แต่งตั้งพระครูธรรมธร (ภรังสี ฉนฺทโร) เป็นเจ้าอาวาสเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๐ ทางวัดและญาติโยมได้จัดพิธีเปิดป้ายวัดและทำบุญฉลองตราตั้งเจ้าอาวาสเพื่อ เป็นสิริมงคล โดยมีพระเทพกิตติมุนีที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานีเป็นประธาน เมื่อ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๐ เนื่องจากสถานที่ตั้งของวัดเป็นที่สัปปายะ เป็นป่าเขาลำเนาไพรสงบวิเวก จึงมักจะมีครูบาอาจารย์สายกรรมฐานพาลูกศิษย์ลูกหามาปฏิบัติธรรมฝึกจิตภาวนา เป็นประจำ ในสมัยที่ยังไม่เป็นวัดนั้น คณะสงฆ์มักจะใช้เป็นสถานที่ในการจัดงานปฏิบัติธรรมหลังออกพรรษา อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา วัดภูพลานสูงเกิดขึ้นจากความพยายามของทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ ครูบาอาจารย์ที่ได้มาสร้างวัดองค์แรกก็คือพระครูวิบูลธรรมธาดา(กาว ธมฺมทินฺโน) อดีตเจ้าคณะอำเภอเดชอุดมได้มาบุกเบิกหักร้างถางพงและสร้างเสนาสนะต่างๆ เท่าที่จำเป็นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ช่วงเวลานั้นสถานที่แห่งนี้มีไข้มาลาเรียชุกชุมมาก จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการสร้างวัดเป็นอย่างยิ่ง จะหาพระเณรมาอยู่จำพรรษาก็ลำบากเนื่องจากพระครูวิบูลธรรมธาดาท่านได้รู้ว่า สถานที่แห่งนี้ต่อไปในภายภาคหน้าจะมีความสำคัญ เพราะในสมัยท่านเป็นสามเณรท่านเคยติดตามถวายการอุปัฏฐาก พระครูวิโรจน์รัตโนบล (บุญรอด นนฺตโร) อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี วัดทุ่งศรีเมือง ซึ่งท่านเป็นผู้ไปทำการบูรณะองค์พระธาตุพนมในปี พ.ศ. ๒๔๔๔ และได้พบพระคัมภีร์โบราณ จึงทำให้ทราบถึงคำพยากรณ์ในคัมภีร์ว่า ... Read More »
ภาพกิจกรรม
บทนำ
บทนำ บรรดาชาวพุทธทั้งหลายที่ได้ชื่อตามทะเบียนบ้านว่านับถือพุทธศาสนา แต่จะมีสักกี่คนที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา เราท่านทั้งหลายส่วนใหญ่จะนับถือพุทธศาสนาตามบรรพบุรุษ แต่ก็ยังมีบางคนที่แหวกประเพณีออกมานับถือศาสนาอื่นด้วยไม่รู้จะนับถืออะไรดี เพราะเขาคิดว่าศาสนาช่วยอะไรเขาไม่ได้ พุทธศาสนิกชนส่วนมากได้แต่ทำบุญทำทาน สวดมนต์ภาวนาเพื่อให้ตัวเองและครอบครัวมีความสุขพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง และเพื่อจะได้ไปเกิดบนสวรรค์เสวยทิพยสมบัติแบบสุขสบายไม่ต้องลำบาก เขาไม่เคยคิดที่จะปฏิบัติให้เข้าถึงความหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารเลย ไม่เคยคิดที่จะปฏิบัติให้ถึงซึ่งพระนิพพาน ด้วยเขาคิดและเข้าใจว่าการเข้าสู่พระนิพพานนั้นเป็นของยากและนิพพานเป็นสูญไม่มีอะไรเหลือ ซึ่งเป็นการเข้าใจที่ผิด คำว่า “นิพพาน” แปลว่าสูญ หมายความว่าสูญสิ้นจากอาสวะกิเลสทั้งปวง ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก แต่ยังทรงไว้ซึ่งคุณธรรมบารมี ยังไม่สูญหายไปไหนยังคงคุ้มครองดูแลพระพุทธศาสนาอยู่ พระพุทธเจ้าได้เสด็จอุบัติเกิดขึ้นในโลกนี้ เพื่อที่จะทรงปลดปล่อยเวไนยสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ พระองค์จึงตัดสินพระทัยที่จะประกาศพระศาสนาให้เป็นประทีปส่องทางแก่เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ยังวนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร พระพุทธองค์ทรงประกาศเผยแพร่พระศาสนาจนพระพุทธองค์เสด็จดับขันปรินิพพาน ภายหลังจากที่พระองค์ได้ปรินิพพานไปแล้ว ศาสนาของพระองค์ยังมีความเจริญรุ่งเรืองในประเทศอินเดีย ศรีลังกา และขยายวงกว้างออกไปสู่ประเทศต่าง ๆ จนกระทั่งมาถึงสุวรรณภูมิประเทศไทย ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ (ประเทศไทย) นี้เองเป็นจุดกำเนิดเกิดขึ้นของเรื่องราวต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนาที่มีทั้งบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกและบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณ อันเป็นหลักฐานสำคัญที่ไว้อ้างอิงกับผู้ที่มีความลังเลสงสัยในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันละในอนาคต วัดภูพลานสูงเป็นสถานที่สำคัญตั้งแต่อดีตกาลที่เกี่ยวเนื่องกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ละนับตั้งแต่พระบรม.สารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวาได้เสด็จมาสู่วัดภูพลานสูงเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ จากนั้นก็มีพุทธสรีระที่สำคัญได้เสด็จตามมาซึ้งล้วนแต่เป็นองค์เอกทั้งนั้น เช่น พระสรีรังคาร พระเขี้ยวฝาง พระโลหิต รอยพระพุทธบาท และล่าสุดได้ค้นพบรอยพระหัตถ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งเหล่านี้เสด็จมาอุบัติบังเกิดขึ้นเพื่อสืบต่ออายุพระศาสนา ซึ่งอักษรไว้ในคัมภีร์โบราณ เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยมีปรากฏมาก่อน อาจจะเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับชาวพุทธทั่วไป ก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงใช้โยนิโสมนสิการพิจารณาใคร่ครวญโดยเหตุโดยผลโดยปัจจัยเพื่อที่จะน้อมรับสิ่งอันเป็นมงคลที่บังเกิดขึ้นให้ทุกท่านได้รู้ได้เห็นได้ศึกษาเรื่องราวอันเป็นประวัติศาสตร์ทางศาสนาต่อไปในอนาคต ในยุคศิวิไลซ์ต่อไป คำอนุโมทนา นับตั้งแต่พระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาสู่วัดภูพลานสูง เมื่อปี ... Read More »
พิธีอัญเชิญพระพุทธนขา(เล็บ)
ณ วัดแสนชะนี จ.อุบลราชธานี วันที่ 10 เมษายน 2557 พระเดชพระคุณ หลวงพ่อภรังสี ฉนฺทโร ได้ประกอบพิธีอัญเชิญพระพุทธนขา(เล็บ)เสด็จกลับประดิษฐาน องค์ หลวงพ่อพระโตโคตะมะ องค์ปฐม Read More »