บทความ

หัวสิงห์โต

     หัวสิงโตที่วางอยู่ตรงพระนอนนั้นมีประวัติความเป็นมา  ตามที่หลวงพ่อเมตตาเล่าให้ผู้เขียนฟังเกี่ยวกับหัวสิงโตกับเศียรพระพรหม  หัวสิงโตกับเศียรพระพรหมเกี๋ยวข้องกับพระศาสนากับพระบรมธาตุอย่างไร   ในอดีตพระบรมธาตุข้อพระหัตถ์  พระสรีรังคารนี้อยู่ที่ศาลพระพรหม  ประเทศเขมร   ในยุคนั้นมีมอญแดงมอญขาวมอญดำได้ทำสงครามแย่งชิงพระบรมธาตุข้อพระหัตถ์จาก พระยาขอม  พระเทวจักรไม่ยอมจึงได้อัญเชิญพระบรมธาตุข้อพระหัตถ์และพระสรีรังคาร  เหาะข้ามภูเขามาไว้ที่ปราสาทศาลพระพรหมที่เมืองเขมร   ท่านอธิษฐานแล้วเก็บไว้ตรงนั้นต่อมาในยุคที่พระบรมธาตุเสด็จมาอยู่ที่วัดภู พลานสูง  เทวดาก็เวนให้คนตัดหัวสิงโตมาทิ้งไว้บนยอดเขา  ชาวบ้านไปเห็นเข้าก็แบกเอามาถวาย   เขาเวนให้มาเศียรพรหมเขาก็เอามาไว้ที่บนยอดเขา  ชาวบ้านก็เอามาถวาย  เอามาเป้นสัญลักษณ์เครื่องหมายส่วนเกี่ยวข้อง  เพราะในอดีตพระบรมสารีริกธาตุเคยอยู่ตรงนั้นมากกว่าสองพันปี  ตั้งแต่พ.ศ.๑๙  พรานป่าไปพบก็เอามาถวาย   เศียรพรหมก็อยู่ประเทศเขมร  ในอดีตศาลพระพรหมตั้งอยู่ในเมืองนั้นเรียกว่า “นครอินทปัต” ในตำนานประเทศเขมร   สมัยโบราณเรียกนครอินทปัตศรี  นครอินทปัตได้นามชื่อนั้นเพราะมนุษย์   เราศรัทธาเลื่อมใส่ได้สร้างปราสาทเรียกว่า นครวัด  นั่นคือปราสาทศาลพระอินทร์  ปราสาทนครธม   ก็คือนารายณ์บรรทมสินธุ์  ปราสาทตาพรหมก็คือศาลพระพรหมนั่นแหละ  ศาลพระพรหมเป็นศาลหลวง  ปีหนึ่งกษัตริย์จะเดินทางมาประกอบพิธีบวงสรวง  นครอินทปัตเป็นเมืองใหญ่อลังการที่สุด  เจ้าเมืองมีศรัทธาสร้างศาลบูชาพระพรหม  พระอินทร์  สร้างปราสาทถวายพระอินทร์ให้เสด็จมาประทับ  สร้างศาลพระพรหม  สร้างปราสาทนารายณ์บรรทมสินธุ์  คนสมัยนั้นนับถือเทวนิยม  ไม่ได้นับถือพุทธศาสนา  เพราะว่าปราสาทนครวัดนครธมนครอิทธปัตเกิดก่อนพระพุทธศาสนา ๓ – ๔พันปีมาแล้ว จึงกล่าวได้ว่าเหล่าเทพเทวดาเหล่านี้เป็นผู้นำร่องปูทางถวายพระพุทธองค์  ฉะนั้นแดนนี้จึงเรียกแดนนารายณ์  มีพระนารายณ์  มีพระอิศวร  มีเทพอีกมากมายหลายองค์  เทพเหล่านี้ล้วนมีฤทธิ์ทั้งสิ้น  ผู้ที่จะมาโปรดเทพเหล่านี้ได้ก็คือพระโมคคัลลานะ  นั่นเป็นสาเหตุที่พระโมคคัลลานะวนมาโปรดสัตว์แถบนี้  โดยใช้ฤทธิ์อำนาจกำหราบพวกเทพทั้งหลาย  เทพทั้งหลายจึงเกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระศาสนาจึงวนเข้ามาหาพระนารายณ์ก็มี ส่วนเพราะเป็นบริวารของพระโพธิสัตว์ ... Read More »

สัตบงองอาจบาตรพญานาค

     สัตบงองอาจบาตรพญานาคที่หลวงพ่อได้มาก็เป็นเรื่องแปลก   อยู่ ๆก็มีโยมชื่อสันติอยู่ที่จังหวัดระยองเขานำมาถวาย  ของชิ้นนี้เป็นของคนรุ่นเก่าแก่เป็นคนมอญอยู่ข้าง ๆ บ้านโยมสันติ   วันหนึ่งโยมสันติไปเห็นเข้าเกิดอยากได้ขึ้นมา  ร้องห่มร้องไห้จะเอาให้ได้ของเก่าชิ้นนี้  เจ้าของเขาถามว่าจะเอาไปทำอะไร  คุณโยมสันติตอบว่าจะเอาไปถวายวัด  จะไปถวายวัดทำไม   ก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่อยากได้เอาไปถวายวัด  คุณกล้าซื้อหรือราคา ๓ แสน  โยมสันติตอบว่าไม่มีเงิน    ผู้ขายยื่นข้อเสนอให้ผู้ซื้อยืมเงิน ๒ แสน  ยืมเงินมาซื้อของเขา   โยมสันติก็เอา  พอคุณโยมเอามาไว้ที่บ้าน  เขาบอกว่า  มีอะไรก็ไม่รู้บอกเขาให้เอาไปถวายวัดภูพลานสูงให้ได้   เขาไม่เชื่อไม่ยอมเอาไปถวายวัด   เขาโดนพญานาคลงโทษพาตัวเขาไปนอนแช่น้ำทะเล๗ วัน  ญาติ ๆ ไปตามเจอพามาอาบน้ำอาบท่าเสร็จ เขาจึงบอกญาติ ๆว่าพญานาคบอกให้เอาบาตรไม้นี้ไปถวายวัดภูพลานสูง   เขาไม่รู้ว่าเป็นสัตบงองอาจบาตรพญานาค  เขานั่งรถตระเวนหาวัดภูพลานสูงหลงไปถึงนครสวรรค์  สอบถามเส้นทางจึงวิ่งกลับมาที่วัดภูพลานสูง  อำเภอนาจะหลวย  จังหวัดอุบลราชธานี   เมื่อเขาถวายหลวงพ่อเป็นพุทธบูชาแล้ว  หลวงพ่อจึงบอกเขาว่านี่คือสัตบงองอาจบาตรพญานาค   พญานาคสร้างถวายพระพุทธองค์เป็นบาตรไม้แกะสลักสวยงามติดกระจกฝังมุขสวยงาม   เป็นของโบราณเก่าแก่ Read More »

พระพุทธเกศา

     วันที่พระพุทธเกศาเสด็จลงมาสู่โลกมนุษย์   โลกมนุษย์จะมืดสนิท  สวรรค์ก็มืดสนิทต้องปิดหมดทั้งโลกถึงจะเอาลงมาได้   ถ้าอย่างนั้นเทวดาไม่ยอมให้เอาลงมาพระพุทธเกศาเสด็จลงมาให้มนุษย์ได้สักการ บูชา  ได้ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นสิริมงคลแล้วก็เสด็จกลับ  และถ้าเราสร้างมณฑปแก้วนี้เสร็จเรียบร้อยเราจะได้รับใยพระแก้ว (ผ้าจีวรที่เผาไม่ไหม้) ของพระพุทธองค์ครึ่งหนึ่ง  ครึ่งผืนนะ  ใยพระแก้วนี้ไม่เสด็จกลับอยู่ถาวรเลย  หลวงพ่อได้ทำและเตรียมการอย่างอื่นไว้หมดแล้ว เตรียมการรับเสด็จตรงนี้  ท่านให้พวกเราบริษัทสี่มาช่วยสร้างถวายเตรียมการรับเสด็จ  เราต้องเตรียมสร้างมณฑป  วิหาร  มณฑปแก้วเตรียมไว้   เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเราก็กำหนดวันเวลาเสด็จ   มันจะเป็นไปตามโปรแกรม  ถ้ามณฑปตรงนี้เสร็จก่อนจะเสด็จประมาณหนึ่งปี  หลวงพ่อจะประกาศกำหนดวันไว้เลยว่าวันนั้นวันนี้มาคอยต้อนรับใยพระแก้วด้วย กัน  ถ้าเราอยากได้สิ่งเหล่านี้มาไว้ในพระศาสนา   เราต้องช่วยกันทำช่วยกันสร้าง  บางคนเกิดความโลภอยากได้มีข้อเสนอมาแบ่งกันคนละครึ่ง  หลวงพ่อบอกว่าได้  ถ้าพระองค์ท่านให้ขนาดรอยพระบาทเขายังติดต่อหลวงพ่อให้ราคา ๕ – ๑๐ ล้านบาท  ของพระพุทธองค์ไม่ใช่ของซื้อของขาย   พวกกิเลศหนาปัญญานิ่มเท่านั้นที่คิดแบบนี้ได้  ดังนั้นหลวงพ่อจึงขอให้พวกเราค่อย ๆ ทำถวายพระพุทธองค์ไป  ทำไปทำไปอีกหน่อยก็เป็นตำนานถวายพระพุทธองค์  เพื่อให้คนรุ่นหลัง  ในอนาคตเกิดการยอมรับอนุรักษ์หวงแหนหน้าผาประวัติศาสตร์  ต่อไปอีก ๕ ปี ๑๐ปี ๒๐ ปี  ต่อไปภายภาคหน้าก็เป็นประวัติศาสตร์แล้วเป็นของดีของอำเภอนาจะหลวย   ชนรุ่นหลังจะได้ชื่นชม Read More »

พระสรีรังคารธาตุ

     หลวงพ่อภรังสี  ได้ปรารภให้ผู้ใกล้ชิดฟังอยุ่เสมอว่า  พระบรมสารีริกธาตุพระสรีรังคาร  ถูกอัญเชิญมาจากประเทศอินเดียพร้อมกับพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้อง ขวาล้วนเป็นพระบรมสารีริกธาตุองค์เอก  เพราะมีขนาดใหญ่กว่าพระบรมสารีริกธาตุทั่วๆไป  พระเทวจักร กิตติโก  ได้นำไปซ้อนไว้ที่ปราสาทหินศาลพระพรหม พร้อมๆกับพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา  โดยมีเทวยักษ์อาสาเป็นผู้ดูแลและจะเสด็จจากปราสาทหินศาลพระพรหม  มาสู่วัดภูพลานสูงเช่นเดียวกับพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวาที่ เสด็จมาก่อนหน้านี้แล้วต่อมา ในวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๘ เวลา ๑๗.๓๐ น.   พระบรมสารีริกธาตุสรีรังคาร  ได้เสด็จมาบริเวณหน้าพระพุทธรูปพระสังกัจจายน์  ที่วัดภูพลานสูง  ในเบื้องต้น  หลวงพ่อภรังสีได้อัญเชิญเสด็จมาไว้ที่กุฏิและได้พาคณะศิษย์ทั้งบรรพชิตและฆา ราวาสร่วมกันถวายการสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ   ต่อจากนั้นจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสรีรังคาร  ขึ้นประดิษฐานในบุษบกบนศาลาวิบูลธรรมธาดานุสรณ์ Read More »

ข้อพระหัตถ์เบื้องขวา

12

     หลวงพ่อภรังสีได้ทราบจากหลวงปู่ใหญ่มหาโมคคัลลานะว่า ในว้นพฤหัสบดีที่ ๒๘ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗  ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีวอก  พระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา  จะได้เสด็จออกจากปราสาทหินศาลพระพรหมถึงวันภูพลานสูงในเวลา ๐๔.๐๐ น.แล้วจะได้เสด็จลึกลงไปอยู่ใต้พื้นดิน ๙ เมตร บริเวณลานธรรม  รวมเป็นเวลา ๑๕ชั่วโมง  จากนั้นจึงเคลื่อนมาอยู่บนพระหัตถ์ของพระพุทธชินราชบนลานธรรมหลวงพ่อภรังสี  ได้เล่าเรื่องนี้เป็นการภายในแก่ผู้ใกล้ชิด  เพื่อเริ่มเตรียมการรับเสด็จอย่างเร่งด่วน  โดยได้ตระเตรียมบุษบกไว้บนศาลาวิบูลธรรมธาตานุสรณ์เพื่อเป็นสถานที่ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุนอกจากนี้  หลวงพ่อภรังสียังได้จัดให้มีการปฎิบัติธรรม  ถวายเป็นปฎิบัติบูชา  มีฆาราวาสประมาณ ๒๐๐ คนเข้าร่วมในพิธีด้วย  ฝ่ายบรรพชิตจากอำเภอน้ำยืน  มีพระอาจารย์บุญเพ็ง อธิจิตโต  ประธานสงค์วัดคีรีบรรพต  พระอาจารย์ถนอม กิตติญาโณและพระอาจารย์ประมวลเตชปัญโญ  จากวัดบ้านเปือยและพระภิกษุสามเณรรวม ๓๐ รูป  ครั้นเมื่อเวลา๑๙.๐๐ น.  หลวงพ่อภรังสี  ได้ทราบด้วยญาณวิถีว่า  บัดนี้พระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา  ได้เคลื่อนจากใต้พื้นดินบริเวณลานธรรมมาอยู่บนพระหัตถ์ของพระพุทธชินราชบน ลานธรรมแล้ว  หลวงพ่อภรังสีถือพานดอกบัว  โดยมีพระอาจารย์บุญเพ็งถือเครื่องสักการบูชาอยู่ทางด้านขวาอาจารย์น้อยน้อง ชายของหลวงพ่อภรังสีถือเครื่องสักการบูชาอยู่ทางด้านซ้ายหลวงพ่อภรังสี  ได้นำบรรพชิตและฆาราวาส  กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย  และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์  จากพระหัตถ์ของพระพุทธชินราช  มาบนพานดอกบัว  และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเสด็จนำกระบวนฆาราวาสและบรรพชิต  สู่ศาลาวิบูลธรรมธาตานุสรณ์  ฆาราวาสและบรรพชิตร่วมกันสวดบทพุทธคุณตลอดเส้นทางดำเนินสู่ศาลาวิบูลธรรมธา ตานุสรณ์  จากนั้นได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา  ... Read More »

พระพุทธทันตะ(พระเขี้ยวฝาง)

พระพุทธทันตะได้เสด็จมาพร้อมกับพระพุทธโลหิต สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับหลวงพ่อเป็นอย่างมาก  หลวงพ่อไม่ทราบมาก่อนว่าพระพุทธทันตะจะเสด็จมาด้วย  ดังนั้นหลวงพ่อจึงไปกราบเรียนถามหลวงปู่ใหญ่โมคคัลลานะเกี่ยวกับเรื่องนี้  จึงได้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธธาตุสดขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ ยังไม่ถูกเผาในโลกนี้มีอยู่ ๓ องค์ด้วยกันคือ -พระพุทธนขา -พระพุทธโลหิต -พระพุทธทันตะ      เมื่อหลวงพ่อได้พบกับพระพุทธนขาที่บรรจุอยู่ในหลวงพ่อพระโตโคตะมะ  จึงเป็นเหตุให้ได้พบกับพระพุทธโลหิตและพระพุทธทันตะ   เพราะตามตำนาน พระพุทธธาตุสดทั้ง ๓ องค์ต้องมาอยู่รวมกัน  เพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาให้ครบห้าพันปีเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธทันตะเกิด ขึ้นตอนที่พระพุทธองค์มีพระชนมายุได้ ๕๘ พรรษา  พระพุทธองค์ทรงปวดพระทนต์  ฟันกรามข้างขวาซี่ในสุด  ปวดฟันฟันเป็นแมง  ในพระไตรปิฏกบอกว่า  พระพุทธองค์ปวดฟัน  แต่ไม่ทราบว่าปวดแล้วถอนฟันไปไว้ที่ไหน  ตามตำนานบอกว่าพระพุทธองค์ปวดฟันได้ไปนอนพักอยู่ที่เขาคิชณกูฏ  พระพุทธองค์รับสั่งให้หมอชีวกเข้าเฝ้า  มีพระโมคคัลลานะเป็นที่ปรึกษา  ช่วงเวลานั้นบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ  มาเฝ้าไข้พระพุทธองค์มากมาย  เมื่อหมอชีวกเข้าไปถวายพระโอสถเสร็จแล้ว  ก็ออกมาประกาศว่า  ท่านทั้งหลายอย่าได้อยู่รบกวนพระพุทธองค์เลย  ตอนนี้พระพุทธองค์ทรงพักผ่อนบรรทมอยู่และเรามียาดีแปะไปแล้วฟันพระพุทธองค์ ดีเหมือนเดิม  เจ้าเมืองต่าง ๆเชื่อหมอชีวกต่างพากันกลับบ้านเมืองไปอย่างหน้าอ๋อย (หน้าอ๋อยเป็นภาษาอีสาน) พระพุทธองค์ทรงบันดาลให้หมอชีวกออกไปประกาศอย่างนั้น  ด้วยพระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นเหตุวุ่นวายอันเกิดจากพระทนต์ของพระองค์พระ พุทธองค์ก็เลยยังไม่ถอนตอนนั้นต่อมาในเวลาเที่ยงคืนพระองค์ตรัสเรียกหมอชีวก และพระโมคคัลลานะเข้ามาพบ  เมื่อทั้ง ๒ เข้าไปพบพระพุทธองค์ได้เห็นเลือดของพระพุทธองค์ออกมาเต็มกระพุ้งแก้ม  พระโมคคัลลานะจึงนำพานทองมารองรับพระพุทธทันตะ  แล้วพระพุทธองค์สั่งให้พระโมคคัลลานะนำไปเก็บรักษาไว้  เทวดาก็จ้องมองจะเอาเหมือนกัน  พระโมคคัลลานะนำไปเก็บซุกซ่อนไว้โดยไปเก็บไว้ใต้หิน ๓ ก้อนที่ถ้ำสุกรขาตา  เขาคิชฌกูฏประเทศอินเดีย  เมื่อพระโมคคัลลานะนำไปเก็บเรียบร้อยแล้วพระพุทธองค์ตรัสถามพระโมคคัลลานะ ว่าเธอได้เก็บพระพุทธทันตะไว้ที่ใด  พระโมคคัลลานะตอบว่า  ... Read More »

พระพุทธโลหิต

     หลวงพ่อเล่าให้ผู้เขียนฟังถึงเรื่องพระพุทธโลหิตและพระพุทธทันตะว่า  หลังจากที่หลวงพ่อได้พบกับหลวงพ่อพระโตโคตะมะและหลวงปู่โมคคัลลานะ และได้ประกาศเผยแผ่เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธนขา  ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้หลวงพ่อได้สัมผัสกับพระรัศมีของพระพุทธโลหิตที่วัดภู พลานสูง  เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘  บรรดาพระลูกศิษย์และญาติโยมได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานจากนั้นหลวงพ่อได้ไป สอบถามเรื่องราวของพระพทธโลหิตจากหลวงปู่ใหญ่โมคคัล ลานะ  ทำให้หลวงพ่อได้ทราบกำหนดวันเสด็จมาของพระพุทธโลหิต  ซึ่งจะเสด็จมาที่วัดภูหลานสูงช่วงวันออกพรรษา คือ  วันขึ้น๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑  หลวงพ่อจึงได้บอกข่าวมหากุศลแก่บรรดาศิษยานุศิษย์เพื่อเตรียมการรับเสด็จ ก่อนจะถึงวันรับเสด็จพระพุทธโลหิต  หลวงพ่อได้รับคัมภีร์โบราณ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘  เมื่อหลวงพ่อศึกษาพระคัมภีร์โบราณนั้นทำให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับพระพุทธ โลหิตชัดเจนยิ่งขึ้น  พระพุทธโลหิตองค์นี้เป็นพระพุทธโลหิตที่พระพุทธองค์ทรงอาเจียนหลังจากที่ฉัน อาหารสุกรมัทวะ  ที่นายจุนทะนำมาถวาย  เมื่อพระพุทธองค์ทรงอาเจียนออกมาเป็นพระพุทธโลหิต  พระอานนท์ซึ่งเป็นพุทธอุปัฏฐากได้เก็บรักษาไว้  เทวดาเห็นเข้าจึงได้ขอพระอานนท์  พระอานนท์ขณะนั้นไม่มีกะจิตกะใจอะไร  เพราะเป็นห่วงพระพุทธองค์  เมื่อเทวดาขอพระพุทธโลหิตก็มอบให้เทวดาไป  ขณะนั้นเองพระยายักษ์เห็นจึงได้เข้ามาขอต่อจากเทวดา  เทวดาจึงมอบให้พระยายักษ์นำพระพุทธโลหิตไปเมืองพยัคฆอินแปลง  ประดิษฐานไว้บนยอดปราสาท  พระพุทธโลหิตอยู่ในการอารักขาของพระยายักษ์ตลอดมาจนกระทั่งได้มาปรากฏเปล่ง รัศมีที่วัดภูพลานสูงการที่พระพุทธโลหิตมาปรากฏนี้  หลวงปู่ใหญ่โมคคัลลานะได้บอกหลวงพ่อว่า  ท่านจะนำมามอบให้ด้วยมือท่านเอง  พอถึงวันที่ ๒๑กันยายน ๒๕๔๙  ตรงกับวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ เวลา ๑๖.๐๐ น.  หลวงพ่อได้รับโทรศัพท์จากพระลูกศิษย์ที่วัดป่าคำบอนว่า  ที่รูปปั้นหลวงปู่ใหญ่โมคคัลลานะมีวัตถุบางอย่างวางอยู่ที่มือของรูปปั้น ... Read More »

บ่อน้ำบุ้น

     เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์เสด็จมาที่หน้าผาภูพลานสูง สุวรรณภูมิ  เพื่อโปรดพระเทวจักร กิตฺติโก  พระมหากัสสปะและพระมหาโมคคัลลานะ  ได้กราบทูลให้พระพุทธองค์ทรงสรงน้ำที่บริเวณหน้าถ้ำมังกร แต่พระพุทธองค์ทรงตรัสห้าม เพราะสถานที่นั้นมีน้ำไม่เพียงพอ พระพุทธองค์ได้เสด็จไปบริเวณหน้าผาลายแทง ซึ่งพระสีวลีได้เขียนลายแทงไว้เพื่อเป็นหลักฐาน  การเสด็จมาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ สถานที่แห่งนี้เพื่อเป็นหลักฐานการเสด็จมาของพระพุทธองค์จากนั้นพระองค์ได้ เสด็จสู่ยอดเขาทรงตรัสให้พระโมคคัลลานะและพระสีวลีนำก้อนหินที่ปิดทางน้ำออกทำให้มีน้ำไหลพวยพุ่งออกมากลายเป็นบ่อน้ำบุ้นมาจนถึงปัจจุบัน และพระพุทธองค์ได้ทรงสรงน้ำที่บ่อน้ำบุ้นนี้ Read More »