พระแก้วแสนคำ เมื่อหลวงพ่อพระโตโคตะมะเสด็จลงสู่แม่น้ำวังมนวังฮี ผู้คนยังไปกราบไหว้ขอพรขอบารมีจากหลวงพ่อพระโตโคตะมะอยู่เนือง ๆ หลาย ๆ ปีก็เงียบหายไปซึ่งเป็นไปตามกฎธรรมชาติที่มีเกิดและมีดับเป็นของคู่กัน หลวงพ่อพระโตโคตะมะได้ไปจำพรรษาที่เมืองบาดาล ต่อมาอีกประมาณ ๑๐ กว่าปี หลังจากพุทธปรินิพพาน พระมหากัจจายนะกับพระสีวลีและเจ้าเมืองอินทปัตได้ร่วมกันสร้างพระแก้วแสนคำ ขึ้นมา และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้ามาบรรจุไว้บนเศียรพระแก้วแสน คำ นครแสนคำเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นปึกแผ่นมากกว่าเมืองอื่น ๆ หลายเมืองเกิดศรัทธาในพระแก้วแสนคำ จึงได้ทำการรบพุ่งแย่งชิงพระแก้วแสนคำมาไว้ในครอบครอง พระแก้วแสนคำจึงได้เสด็จมาอยู่เมืองแสนคำตรงที่เจ้าเมืองเอาหิน ๓ ก้อนจากนครโคตรภูมาวางไว้ เมื่อพระแก้วเสด็จมาอยู่ตรงนี้ เขาเลยสร้างเมืองขึ้นมา สร้างหอปราสาท สร้างมณฑป วิหารถวายพระแก้วแสนคำ จึงได้นามว่า “นครแสนคำ” สืบต่อมา นครแสนคำ อยู่ต่อมาประมาณสี่ร้อยกว่าปีก็เกิดเรื่องราวชิงรักหักสวาทขึ้นในนครแสนคำ พระนางคำนางกับพระเจ้าอนุพงศ์ชัยเสน พระเจ้าอนุพงศ์ชัยเสนเป็นพระโอรสของพระเจ้าอองแวชัยเสนแห่งนครจำปาศรี ปัจจุบันคือจังหวัดขอนแก่น เป็นราชบุตรเขยของพระยาตุ้มทองในสมัยนั้นพระยาตุ้มทองมีบารมีโด่งดังมาก ได้พระเจ้าอองแวชัยเสนเป็นราชบุตรเขย มีพระราชโอรสชื่อพระเจ้าอนุพงศ์ชัยเสน ได้เสกสมรสกับพระนางคำนางซึ่งเป็นหลานของพระยาเทพชมพู แห่งนครแสนเมือง พระเจ้าอนุพงศ์ชัยเสนได้ปกครองบ้านเมืองด้วยความสงบร่มเย็น สาเหตุที่ทำให้บ้านเมืองล่มจมนั้น เป็นเพราะในปีนั้นพระเจ้าอนุพงศ์ชัยเสนและบรรดาเหล่าเสนาบดีเห็นพ้องต้องกัน ว่า ตรงตำหนักที่พระนางคำนางประทับอยู่นั้นเริ่มทรุดตัว มีน้ำท่วมขังต่อไปพระตำหนักของพระนางคงต้องพังลงไปอย่างแน่นอน พระเจ้าอนุพงศ์ชัยเสนจึงให้เสนาบดีไปตระเวนหาที่จะสร้างเมืองใหม่สร้างพระ ตำหนักใหม่ เหล่าเสนาบดีด้นดั้นค้นหาจนมาถึงเมืองบัว ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่มีความเจริญมากเพราะมีโรงงานกระเบื้องดินเผาสังคโลกถึง ๑๐ โรง ความเจริญต่าง ๆ มาอยู่ที่เมืองบัวหมด เมื่อพบที่ถูกใจเหล่าเสนาบดีก็กลับไปกราบทูลพระเจ้าอนุพงศ์ชัยเสน ... Read More »
หลวงพ่อพระโตโคตะมะ
ความเป็นมาของหลวงพ่อพระโตโคตะมะ ซึ่งมีประวัติมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล และด้วยเหตุใดจึงมาอุบัติเกิดขึ้นที่ตรงนี้ หลวงพ่อเล่าย้อนไปในอดีต ขณะที่พระพุทธองค์มีพระชนมายุได้ ๕๗ พรรษา พระองค์ได้เสด็จมาที่สุวรรณภูมิ มาโปรดพระเทวจักร กิตฺติโก ประธานสงฆ์ซึ่งเป็นชาวมอญอยู่ที่เมืองโคตรภู เมืองโคตรภูเป็นเมืองเล็ก ๆ อยู่ใกล้ภูเขา ภูเขาลูกนี้มีภูกินหมากเป็นเถาวัลย์ที่รัดกันขึ้นไปใหญ่มาก รวมเรียกว่า”ภูกินหมาก” ปัจจุบันก็ยังมีอยู่บนภูเขา มีต้นนางพญางิ้วดำต้นใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น ปัจจุบันต้นนางพญางิ้วต้นใหญ่ตายแล้วแต่ยังมีต้นลูกหลานหลงเหลืออยู่บ้างทางขึ้นไปลำบากสถานที่ตรงนั้นเป็นเขตอันตรายมีอาวุธสงครามมากมาย มีกระสุนปืนและระเบิดมากมาย ในสมัยที่ประเทศเขมรแตกชาวเขมรอพยพเข้ามาฝั่งไทยและฝังระเบิดไว้ตามแนวชายแดนมากมาย เมืองโคตรภูอยู่ในเขตแดนไทยบนยอดลำโดมใหญ่ พระพุทธองค์ได้เสด็จมาโปรดพระเทวจักร กิตฺติโก พระเทวจักรเป็นลูกศิษย์ของพระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะโปรดพระเทวจักร จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาด้วยอิทธิฤทธิ์ พระเทวจักรเห็นพระโมคคัลลานะมีอิทธิฤทธิ์เหาะได้ก็เกิดศรัทธาขอบวชในพระศาสนาพระเทวจักรผู้มีบารมีตั้งปรารถนาไว้ว่าอยากเป็นพระพุทธเจ้าอธิษฐานอยากให้พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรด ในยุคนั้นพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่เมืองโกสัมพีตามตำนานคัมภีร์กล่าวไว้ ในคืนวันนั้นพระพุทธองค์ทรงแผ่ข่ายพระญาณออกตรวจเวไนยสัตว์ พระเทวจักรเข้าสู่ข่ายพระญาณ พระพุทธองค์จึงทรงเสด็จมาโปรดพระเทวจักรในวันต่อมา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองโกสัมพี แต่พระพุทธองค์เสด็จมาโปรดพระเทวจักรที่เมืองโคตรภู ดินแดนสุวรรณภูมิ โดยมีพระมหากัสสปะ พระโมคคัลลานะ พระสิวลี พระอานนท์ เสด็จตามพระพุทธองค์มาโปรดพระเทวจักร เมื่อโปรดเสร็จแล้วพระเทวจักรทูลขอพระนขาของพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทรงตัดเล็บข้างขวาพระราชทานให้แก่พระเทวจักร ข้างซ้ายเทวดานามว่า “ราหุ” ได้ทูลขอพระพุทธองค์ก็ได้พระราชทานให้แก่เทวดาไป ต่อมาพระมหากัสสปะได้ทูลขออนุญาตสร้างพระพุทธรูปขึ้นมา พระพุทธองค์ทรงอนุญาตและพระราชทานนามพระพุทธรูปองค์นั้นว่า”พระโตโคตะมะ” พระมหากัสสปะ พระมหาโมคคัลลานะ พระสีวลี จึงได้รวบรวมศรัทธาพุทธบริษัทร่วมกันบริจาคเป็นเงิน เป็นโลหะ เป็นทองนำมาหลอมรวมกันทำเป็นพระพุทธรูปขึ้นมา มีหน้าตัก ๔ ศอก แล้วก็บรรจุพระพุทธนขาที่พระเทวจักรได้รับพระราชทานจากพระพุทธองค์ไว้ในพระ ... Read More »
พระสรีรังคารธาตุเสด็จ
หลังจากที่หลวงพ่อภรังสีได้รับพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวา เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๗ แล้ว หลวงพ่อได้ปรารภให้บรรดาลูกศิษย์ฟังบ่อยครั้งว่า ที่ปราสาทหินนครจำปาศรียังมีพระสรีรังคารบรมธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ซึ่งพระเทวจักรได้อัญเชิญมาจากประเทศอินเดียพร้อมกับข้อพระหัตถ์เบื้องขวา โดยนำมาเก็บไว้ที่เดียวกัน เพื่อที่เทวดาจะได้อัญเชิญสู่วัดภูพลานสูงในภายหลังในวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๔๘ เวลา ๑๗.๓๐ น. พระสรีรังคารบรมธาตุได้เสด็จมาที่วัดภูพลานสูง โดยเสด็จลงบริเวณหน้าพระสังกัจจายน์ หลวงพ่อได้บอกให้พุทธศาสนิกชนและลูกศิษย์มาร่วมต้อนรับพระบรมสารีริกธาตุ และได้อัญเชิญขึ้นสู่บุษบกบนศาลาวิบูลธรรมธาดานุสรณ์ให้ประชาชนได้กราบ สักการบูชาต่อไป Read More »
เทวยักษ์ตามหาพระยาธรรม
เทวยักษ์เมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่ให้อารักขาพระบรมสารีริกธาตุ ข้อพระหัตถ์เบื้องขวา และพระสรีรังคารแล้ว จึงได้ออกตามหาบุคคลผู้มีพระยาธรรม ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทวยักษ์จึงได้ทราบว่าผู้ใดเป็นพระยาธรรมเทวยักษ์จึงได้มา สังเกตการณ์ดูหลวงพ่อภรังสีผู้ซึ่งตนคิดว่าเป็นผู้มีพระยาธรรม และทราบว่าหลวงพ่อเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ใหญ่โมคคัลลานะ จากนั้นเทวยักษ์ก็ได้กลับไปรายงานต่อพระเทวจักรว่าตนได้พบผู้เป็นพระยาธรรม แล้ว พระเทวจักรได้ส่งสัญญาณมาตรวจสอบดูหลวงพ่อ เมื่อแน่ใจว่าหลวงพ่อคือพระยาธรรมไม่ผิดตัวแน่ จึงเปิดให้หลวงพ่อได้เห็นพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวาและพระ สรีรังคาร หลังจากนั้นมาหลวงพ่อจึงได้กำหนดวันรับเสด็จพระบรมสารีริกธาตุข้อพระ หัตถ์เบื้องขวา ในวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๗ เมื่อพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์เบื้องขวาเสด็จมาประทับที่พระหัตถ์ของพระ พุทธชินราชบนลานธรรมวัดภูพลานสูง โดยมาอยู่ในความดูแลของหลวงพ่อ ซึ่งเป็นพระยาธรรม เทวยักษ์จึงหมดหน้าที่ดูแลรักษาพระบรมสารีริกธาตุและได้เลื่อนชั้นเลื่อน บารมีไปอยู่บนพรหมโลก Read More »
ยุคศิวิไลซ์
ยุคศิวิไลซ์ หลวงพ่อเล่าว่า ในยุคก่อนเขาประกาศว่าเป็น ร.ศ. หมายถึงรัตนโกสินทร์ศก สมัยนี้ถ้าไม่เกิด ม.ศ. ไม่ได้ ถ้าเกิด ม.ศ.ต้องประมวล ๕ ม.ศ.๕ ถ้าไม่ลง ๕ ชาติบ้านเมืองไม่เหลือ ฉะนั้นจึงประมวลเอา ม.ศ.๕ มากั้นไว้ไม่ให้มันเดินไปได้ เมื่อเดินไม่ได้มันก็กลับมาอยู่ที่เดิมกลับมาอยู่ที่กษัตริย์ ถ้าอย่างนั้นกษัตริย์จะไม่มี ม. คือมังกรมันต้องเป็นยุคสมัยก่อน เมื่อเกิดยุคสมัยแล้วมาบรรจบ ๕มันจะเป็นมังกร เพราะ ม. เป็นอักษรของมึงกร มังกรเป็นใหญ่ ถ้ามีใคร ม.ศ. อยู่ มีสัญลักษณ์ ม.ศ. ที่ไหน นั่นคือเรารองรับพระองค์ท่าน รองรับบารมีพระองค์ท่าน ประกาศพระองค์ท่าน ฉะนั้น ม.ศ. จึงมาบรรจบกันให้ได้ ๕ สมัย ทำให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ๕ สมัย ๕ รัฐบาล ตั้งแต่นายก ฯทักษิณมาจนถึงนายก ฯ อภิสิทธิ์ นี่คือ ๕ สมัยของ ม.ศ. และ ๕ สมัย ... Read More »
สุริยะธาตุปรากฏ
สุริยะธาตุปรากฏ พออธิษฐานเสร็จข้อพระหัตถ์เบื้องขวาได้ปรากฏขึ้นมาและเสด็จพุ่งขึ้นไปบน อากาศ เกิดเป็นแสงสว่างทั่วท้องฟ้าเหล่าเทพเทวดาทั้งหลายต่างประกาศกึกก้องขึ้น ว่า “สุริยะธาตุปรากฏแล้ว สุริยะธาตุปรากฏแล้ว สุริยะธาตุปรากฏแล้ว” ๓ ครั้งดังก้องกังวานไปทั่วจักรวาล หลวงพ่อตกใจมาก เ กิดปิติขึ้นอย่างรุนแรง น้ำตไหลพรากไหลออกมาอย่างมากคล้ายกับคนร้องไห้ จากนั้นเทวดาก็นำหลวงพ่อกลับมาส่งเข้าร่าง เมื่อได้สติหลวงพ่อเปิดประตูคลานออกมาจุดธูปเทียนหน้าโต๊ะหมู่บูชาตั้งจิต อธิษฐานว่า “ถ้าสิ่งที่ปรากฏแก่เกล้าฯนี้มีจริง ข้าฯ นั่งสมาธิยังไม่สงบดี สิ่งเหล่านี้มาปรากฏได้อย่างไร ถ้าสิ่งนี้มีจริงขอให้ข้าพเจ้าหายปวดขาเดินได้เป็นปกติ ข้าพเจ้าจะเตรียมสถานที่รองรับ” เมื่ออธิษฐานเสร็จก็เข้าห้องพักผ่อน พอตื่นเช้าขึ้นมาก็เดินได้แต่ยังไม่หายดี ตอนที่ปวดมาก ๆ หลวงพ่อได้เรียกญาติโยมมาช่วยกันรักษา มาต้มน้ำอุ่น มาประคบยา ทำลูกประคบบ้าง โยมทายกที่เป็นคนประคบบอกว่า เขานึ่งลูกประคบแล้วเอามารองทาบกับตัวเขาเองมันร้องจัด เวลาเขาเอาไปวางที่ขาหลวงพ่อๆ บอกว่าไม่ร้อนไม่รู้สึกอะไร เขาก็งง เขาก็กลับเอาไปนึ่งใหม่ให้มันร้อน พอเอามาประคบหลวงพ่อก็เหมือนเดิม สาเหตุอันนี้เนื่องมาจากสุริยะธาตุ การที่เทวดาทั้งหลายเขาประกาศก้องว่า สุริยะธาตุปรากฏแล้ว สุริยะธาตุก็คือแสงสว่างของพระพุทธเจ้า คือพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ปรากฏขึ้นแล้วสุริยะธาตุปรากฏแล้ว หลวงพ่อจึงได้ให้หลวงปู่นพสิทธิ์จัดทำสติกเกอร์ติด รถว่า “สุริยะธาตุปรากฏแล้ว” เมื่อหลวงพ่อได้ประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน หลวงพ่อจึงได้เริ่มศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องราวของพระบรมสารีริกธาตุ ก็เลยเข้าใจเรื่องราวในสมัยพุทธกาล ในอดีตเมื่อครั้งสมัยพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิ ญาณ ทรงประกาศพระศาสนา มีคนศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและประกาศว่า “พระพุทธเจ้าอุบัติแล้วพระพุทธเจ้าอุบัติแล้ว พระพุทธเจ้าอุบัติแล้ว” ๓ครั้ง นี่คือที่มาแห่งพระพุทธเจ้ามาบังเกิดแต่ละยุค ในยุคนี้สุริยะธาตุปรากฏแล้ว แต่ในยุคก่อนพระพุทธเจ้าอุบัติแล้ว พระพุทธเจ้าปรากฏแล้ว ... Read More »
การเสด็จมาของข้อพระหัตถ์เบื้องขวา
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ก่อนเข้าพรรษา ๗ วันได้เกิดเรื่องราวนี้ขึ้น จึงได้นามว่า “สุริยะธาตุ” เรื่องมีอยู่ว่าหลวงพ่อกลับจากงานเทศน์ที่อำเภอพิบูลย์ฯ กลับมาถึงวัดเหนื่อยมากก็เลยมานั่งพักอยู่ข้างนอกกุฏิ นั่งพักผ่อนภาวนาดูลมหายใจ พักผ่อนสบาย ๆ พอวางมือยังไม่เข้าที่ดี เกิดอุคนิมิตเป็นลูกกลม ๆ แต่กลมยาวเท่าขวดลิโพเป็นแสงสีเขียว พอหลับตาลงลูกกลม ๆ มันก็หมุนติ้ว ๆ พุ่งเข้าใส่ตัวที่หน้าท้องหลวงพ่อ หลวงพ่อรีบลืมตาขึ้นรู้สึกแปลกใจมาก เรานั่งภาวนาหลับตาลงยังไม่ทันไรทำไมเป็นอย่างนี้ มันเป็นอะไรนะ เราไม่ได้ไปปรุงแต่งอะไรทำไมจึงเกิดเป็นแสงพุ่งเข้าตัวเราอย่างนี้ หลวงพ่อเลยเลิกนั่งลุกเข้ากุฏิไปอยู่ต่อมา ๔-๕ วันหลวงพ่อรู้สึกไม่สบายปวดขา เจ็บโน่นปวดนี่ทรมานที่สุด มันปวดตรงขา ตรงหัวเข่ามาก เดินไม่ได้ขางอไม่ได้ทรมานมาก ให้ลูกศิษย์มานวดมารักษาก็ไม่หาย หลวงพ่อนึกว่าทำไมเราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร ทีคนอื่นเรายังทำนายทายทักเขาได้ นึกคาดเดาไปต่าง ๆนานา ทำไมมันเจ็บปวดรุนแรงขนาดนี้ ยาหลายขนานก็รักษาไม่หาย หลวงพ่อเลยมานั่งสมาธิดู ก็เกิดอุคนิมิตอีกเป็นเหมือนลมหมุนอย่างเร็ว และแรงคล้าย ๆ พายุทอร์นาโด หมุนแล้วก็พุ่งเข้าไปตรงหน้าท้องหลวงพ่อ เสร็จแล้วลมนั้นก็หมุนออกจากตัว ความรู้สึกหลวงพ่อขณะนั้นเหมือนวิญญาณออกจากร่างเหาะผ่านป่าผ่านดงข้าม ภูเขา หลวงพ่อพยายามจับต้นไม้ไว้เพื่อให้มันหยุด ต้นไม้ขาดสะบั้นเพราะความเร็วของลม เสร็จแล้วก็ไปหยุดอยู่กลางดงรงปราสาทเก่า หลวงพ่อได้ยินเสียงเทวดาพูดขึ้นมาว่า “ท่านทำไมถึงดื้อจัง อดทน ท่านไม่รู้หรือว่าตอนนี้พระพุทธเจ้าจะเสด็จมาอยู่กับท่าน” หลวงพ่อนึกในใจว่าพระพุทธเจ้าท่านปรินิพานไปนานแล้วพระองค์จะเสด็จมาอยู่กับ เราได้อย่างไร นึกในใจนะ เทวดาก็ตอบทันทีว่า ... Read More »
คำกล่าวเปิดศิวิไลซ์
พุทโธ เม นาโถ, ธัมโม เม นาโถ, สังโฆ เม นาโถ อะหัง วันทามิ รัตตะนะตรัยเย พระเกตุ พระกรรณ พระศรีสุวรรณมณี เอเตนะ พระสุพจขันตี มณีสุปรางค์ , อะหัง วันทา ภะคะวาติ สันโต พระเเกตุแสงใส พระรัตนะตรัย ชะโย อะระหัง เปมิ ฯ นะโม วาโยธะ อาโปธะ วาโยธะ อากาโสธะ ตะโปธะ นะมะพะธะ พุทธโร อนุตตะรัง อาภะวัง อาตาสา อาตามิ ติภะวัง, นะมะ สุริยะธาตุ จะตุสัจจัง มะหาโคตะมะ ศรีสุริยะ อะริโย, อะโห พุทโธ สมดั่งใจคิด, อะโห ธัมโม สัมฤทธิ์ สมใจ , อะโห ... Read More »
คำภีร์พระยาธรรม
ผู้รจนาคัมภีร์พระยาธรรมคือพระโมคคัลลานะ คัมภีร์นี้มี ๑๒ ผูก เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ เช่น ประวัติข้อพระหัตถ์เบื้องขวา ประวัติพระสรีรังคาร ประวัติพระเขี้ยวฝาง ประวัติพระพุทธโลหิต รอยพระพุทธบาท ประวัติรอยพระหัตถ์ ประวัติความเป็นมาของพระโมคคัลลานะ ประวัติความเป็นมาของกรรมมหาฤทธิ์ ๑-๒-๓ ชาติ ความเป็นมาของยุคศิวิไลซ์ ดังนั้นถ้าเราไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้เราจะไปประกาศได้อย่างไร ถ้าผู้ใดได้ศึกษาความเป็นมาเป็นไปที่มาที่ไปต่าง ๆ ตามตำนานจนจบเรียบร้อย เขาจะเรียกว่า พระยาธรรมสามารถไปประกาศธรรมของพระพุทธองค์ได้ ถ้าเราไม่รู้ไม่ทราบเราจะไปประกาศได้อย่างไร พระเขี้ยวฝางมาจากไหน พระพุทธโลหิตมาจากไหนไม่รู้ แล้วเราจะไปประกาศพระองค์ได้อย่างไร นั่นแหละเขาเรียกผู้ไปประกาศว่าพระยาธรรม ผูกสุดท้ายผูกที่ ๑๒ คือศักดาอานุภาพ หรือ ศักดามณี หรือศักดามหามณี ถ้าผู้ใดได้รับได้ครอบครองได้รองรับเป็นผู้มาประกาศ ต้องได้ศึกษาเล่าเรียนศักดาอานุภาพ เรื่องราวความรู้ต่าง ๆ ในโลกนี้ เรื่องไสยเวทย์ต่าง ๆ จะ มาเหนือศักดาอานุภาพไม่ได้ นั่นคือผูกสุดท้ายของพระคัมภีร์พระยาธรรม หลวงพ่อได้ศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์นี้มา เมื่อหลวงพ่อไปตรงไหนฝนจะตกฟ้าจะร้องดังสนั่น กำหราบปราบหมู่มารทั้งปวง เรากำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม ถ้าสวดมนต์บทนี้ขึ้นมาทุกอย่างจะราบ ถ้าไม่ยอมต้องตาย ถ้าไม่หยุดต้องตาย นี่คือศักดาอานุภาพไปที่ไหนสวดฝนก็จะตกตลอด มันจะชุ่มเย็นตลอด หลวงพ่อปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ท่านวางเอาไว้ ไม่ใช่ว่าขลังท่านให้สวดทำหน้าที่ของเรา ให้สวดถวายตามตำนานที่เขียนไว้ ถามว่าให้คนอื่นเรียนได้ไหม ... Read More »
คำภีร์โบราณ
ในบรรดาสิ่งสำคัญที่บังเกิดขึ้นในยุคสุริยะธาตุปรากฏนั้น หลวงพ่อได้ พบสิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่เรื่องราวต่าง ๆ ที่จะมาปรากฏขึ้นที่วัดภูพลานสูง สิ่งนั้นก็คือ “คัมภีร์โบราณ” จากที่หลวงพ่อเล่าให้ฟังและจากข้อมูลที่บรรดาพระลูกศิษย์ของหลวงพ่อได้รวบ รวมไว้ พอจะทราบที่มาของคัมภีร์นี้ หลวงพ่อเล่าว่าคัมภีร์โบราณนี้เกิดมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จมาโปรดพระเทวจักร เมื่อพระพุทธองค์โปรดพระเทวจักรแล้ว พระเวจักรได้บันทึกเรื่องราวประวัติความเป็นมาของพระบรมธาตุ คำทำนายเกี่ยวกับวัดภูพลานสูงอดีตที่ผ่านมาเมื่อ พ.ศ. ๘ ได้มีการนำพระคัมภีร์นี้มาเก็บรักษาไว้ที่พระธาตุพนม อยู่ต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๕ พระครูวิโรจน์รัตโนบล หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล พระเถระทั้ง ๒ องค์ได้เดินทางไปบูรณะองค์พระธาตุพนมและได้พบกับคัมภีร์โบราณ เป็นการรู้เห็นกัน ๒ องค์เท่านั้น ทั้งสององค์คิดว่าจะทำอย่างไรกับคัมภีร์นี้ เมื่ออ่านดูและรู้เรื่องราวต่าง ๆ หลวงปู่เสาร์จึงได้บอกให้ครูวิโรจน์ฯ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับคัมภีร์โบราณต่าง ๆ และเป็นเจ้าคณะจังหวัด มีลูกศิษย์และบริวารมาก หลวงปู่เสาร์จึงให้พระครูวิโรจน์ฯ เก็บรักษาไว้ พระครูวิโรจน์ฯ จึงได้นำคัมภีร์มาเก็บรักษาไว้ที่หอไตร วัดทุ่งเมืองศรี จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากที่พระครูวิโรจน์ฯ ท่านมรณภาพแล้ว ไม่มีใครได้เห็นหนังสือหรือพระคัมภีร์นี้อีกเลยจนกระทั่งเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๘ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีระกา หลวงพ่อได้รับพระคัมภีร์โบราณส่วนที่ ๑ จำนวน ๔ แผ่น ... Read More »