บทความ

เทวดาที่มาช่วยงานพระศานา

     หลวงพ่อบอกกับผู้เขียนว่าการทำงานของหลวงพ่อเกี่ยวกับพระศาสนาในยุคสมัย นี้หลวงพ่อใช้กฎหมายผี   คือใช้ผีทำงาน   ทั้งผีทั้งเทพต่างมาร่วมกันทำงานกับหลวงพ่ออย่างเต็มใจมีเทพอยู่หลายองค์ที่มาช่วยงานและสมควรกล่าวถึงคือมหาเทพธูปมาลีในอดีตชาติเป็นพระวอ  ป็นผู้สร้างนครจำปาศักดิ์    ท่านเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาในยุคนั้นท่านได้สร้างพระพุทธรูปขึ้นมา ๕ องค์    ถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์    ภายหลังท่านได้ย้ายเมืองมาอยู่ที่สุวรรณภูมิแถบบริเวณจังหวัดอุบลราชธานีสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่พระศรีอริยเมตไตรย์ได้เสด็จมาโปรดพระวอ    พระวอเดินทางจากนครจำปาศักดิ์   ประเทศลาว   มาที่จังหวัดอุบลราชธานีในปัจจุบัน    ท่านได้งาช้างเผือกมา ๑ กิ่ง เอามาเก็บไว้ที่นครจำปาศรี    หลังจากที่พระวอตาย    พระศรีอารยเมตไตรย์ได้เอางาช้างเผือกมาอธิษฐานให้เป็นจระเข้เผือกตัวใหญ่และบวชวิญญาณพระวอเป็นผ้าขาวขี่จระเข้เผือกมาตามลำน้ำโดมขึ้นไปบำเพ็ญภาวนาที่ยอดลำโดม    ที่วังมนวังฮี   เมืองโคตรภู   ต่อมาชาวบ้านเรียกหมู่บ้านนั้นว่า “แข้ด่อน”  เพราะมีจระเข้เผือกโผล่ขึ้นมาให้เห็น   คนอีสานเรียกจระเข้ว่าแข้   ชาวบ้านแถบนั้นเคารพพระวอเจ้าพ่อปะขาว   เวลาหน้าฝนถ้าชาวบ้านอยากเห็นจระเข้เผือกเขาจะเรียกหลวงปู่ปะขาวเอ๋ยขึ้นมา ให้ลูกให้หลานได้ชมหน่อย    จระเข้เผือกก็จะลอยตัวขึ้นมา   ตัวยาวประมาณ ๓ เมตร   มีพ่อปะขาวนั่งอยู่บนหลังจระเข้ลอยไปลอยมาให้ผู้คนได้ชม   ช่วงนั้นเจ้าพ่อปะขาวโด่งดังมากผู้คนยำเกรงเคารพนับถือมาก    ต่อมาเจ้าพ่อปะขาวได้บำเพ็ญบารมีเพิ่มขึ้นได้ไปบังเกิดในสวรรค์มีนามว่า “เทพธูปมาลี”   เทพธูปมาลีได้สร้างบารมีจนได้รับตำแหน่งให้เป็น  “มหาเทพธูปมาลี”   เป็นผู้ดูแลประสานงานถวายงานแด่พระพุทธองค์ตามตำนานสุริยะธาตุ ม.ศ. นี่แหละมาในยุคนี้มหาเทพธูปมาลีก็เป็นผู้มีอำนาจได้รับอำนาจมาจากพระพุทธเจ้าทุก พระองค์    พระโพธิสัตว์และพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นผู้มาดูแลพระพุทธศาสนาช่วยเหลืองานพระพุทธองค์ในเรื่องพระพุทธศาสนา    พระพุทธเจ้ากำหนดเรียกว่า “พุทธวงศ์” พุทธวงศ์จะไม่ทิ้งกันเหมือนกษัตริย์ดูแลขัตติยะประเพณี   แม้จะสิ้นชีพไปแล้วเขาก็ตามดูแลเคารพในความเป็นพระพุทธเจ้าในความเป็นพระมหา กษัตริย์ สมัยก่อนเมื่อพระมหากษัตริย์สิ้นพระชนม์ไปแล้วคนเราก็ยังคงเคารพนับถือสืบ ... Read More »

วังพระนิพพาน

     ผู้เขียนได้กราบเรียนถามหลวงพ่อเกี่ยวกับวังพระนิพพาน ตามที่หลวงพ่อเคยเล่าให้ฟังว่าตอนที่หลวงพ่อเป็นสามเณร จำพรรษาอยู่วัดศรีพรหม    ได้นิมิตเห็นพระอริยเจ้าเดินจงกรมอยู่เหนือวัดภูพลานสูง    และในนิมิตบอกว่า   “ที่นี่คือวังพระนิพพาน”   หมายความว่าอย่างไร    หลวงพ่ออธิบายให้ผู้เขียนฟังว่าที่ตรงนี้บนภูพลานสูงแห่งนี้    เป็นดินแดนของพระพุทธองค์    ดินแดนของพระพุทธเจ้าที่มาประทับรอยพระพุทธบาท   รอยพระหัตถ์    และพระสรีรังคารของพระพุทธองค์ซึ่งเป็นองค์เอกทั้งหมดปรากฏอยู่   ณ สถานที่แห่งนี้   ที่ตรงนี้จึงเป็นสรวงสวรรค์เป็นวังพระนิพพาน   เป็นที่อยู่ของพระอริยเจ้าทั้งหลายในสายพระอริยเจ้า   ถ้าจะพูดไปใต้ภูเขาลูกนี้มันเป็นภพหนึ่งอยู่ใต้ภูเขา    ภพนั้นเป็นภพภวังค์   คล้าย ๆ กับเป็นโพรงถ้ำ    ไม่ใช่เมืองบังบด   ในเมื่อพระอนาคามี  พระอรหัตมรรคยังไม่สิ้นแต่ตายก่อนทุกองค์ก็จะเข้าไปอยู่ตรงนั้นใปดับอยู่ตรงนั้นในแดนภวังค์ แดนพระนิพพานดินแดนแห่งนั้นมันจะเย็น   กว้าง  สงบเงียบ   เย็นเจี๊ยบเลย   คนธรรมดาจะเข้าไปไม่ได้   ทางเข้าอยู่บนภูเขาต้นน้ำบุ้นนั่นแหละ    จึงทำให้ภูเขาลูกนี้เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื้น    เป็นสิริมงคล    เพราะข้างล่างแผ่นดินยังมีอีกภพหนึ่งอยู่ใต้นั้นคือภพภวังค์หรือวังพระ นิพพานพระฤๅษี   พระอรหันต์ทั้งหลายที่มรณะภาพไปแล้ว   แต่ยังไม่ถึงพระนิพพาน   เช่น   พระอนาคามี       พระอรหัตมรรคเมื่อตายไปแล้วไม่มีคนบำเพ็ญบุญอุทิศกุศลให้    ไม่มีคนชักผ้าบังสุกุลให้ตายอยู่ในป่าในเขาก็ต้องไปรวมกันอยู่ที่นั่นไปดับ ที่นั่น    เมื่อดับตรงนั้นสิ้นอาสวะกิเลสแล้วก็เข้าพระนิพพานตรงนั้น    มันเป็นดินแดนที่เป็นทิพย์อยู่ใต้แผ่นดินภูเขาลูกนี้    มีพระตระเวนเข้าไปดับนิโรธดับอยู่ที่นั้น    การที่จะเข้าไปตรงนั้นได้ต้องบำเพ็ญบารมีถึงขั้นอนาคามีมรรค   อรหัตมรรคก็ไปตามธรรมชาติ ... Read More »

เหตุที่พญานาคปรากฏตัวบ่อยในยุคนี้

      สาเหตุที่พญานาคมาปรากฏตัวในหลายจังหวัดหลายพื้นที่ในยุคนี้หลวงพ่ออธิบาย ให้ผู้เขียนฟังว่า   พญานาคเป็นสัตว์อาศัยอยู่ใต้บาดาลใต้แม่น้ำ   เมื่อพญานาคลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำในยุคสมัยใด   แสดงว่าจะเกิดอาเพทเกิดเรื่องไม่ดี   แสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองและโลกเรานี้กำลังเกิดกลียุค    เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองหลวงจะเกิดการปั่นป่วนวุ่นวาย  นี่ธรรมชาติแสดงให้เรารู้เหมือนที่โบราณว่าเราเดินไปเจองู    หรืองูสิงห์เข้าบ้านงูเห่าเข้าบ้านเป็นอุบาทว์อุบาทว์เป็นภาษาโบราณเป็นลางบอกเหตุ  เมื่อปีสองปีที่ผ่านมาบ้านเมืองเกิดความวุ่นวายที่กรุงเทพตอนนั้นปรากฏว่ามีพญานาคเกิดขึ้นที่มุกดาหารผู้เขียนเกิดความสงสัยขึ้นมาได้ กราบเรียนถามหลวงพ่อว่าแล้วที่คนพากันไปดูบั้งไฟพญานาคหรือไปดูพญานาคที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำเป็น อัปมงคลไหม    เพราะตามความคิดของเราที่เป็นคนสมัยใหม่คิดว่าเป็นสิริมงคล ที่พญานาคซึ่งเป็นสัตว์ที่เราถือว่าเป็นสัตว์มงคลโผล่ขึ้นมาให้พวกเราได้ชม บารมีกันหลวงพ่อบอกว่าคนที่ไปดูก็เป็นอัปมงคล    อย่างเช่นเราเป็นมนุษย์ธรรมดาเกิดไปเห็นวิญญาณคนที่ตายไปแล้วก็อุบาทว์   ทำให้เราแพ้ทำให้เราไม่สบาย ไม่ใช่เรื่องดี อยู่ดีๆ คนธรรมดินไปเจอวิญญาณคนที่ตายไปแล้วเดินไปเดินมาไม่กี่วันเราก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นโน่นเป็นนี่โดยไม่มีสาเหตุบางคนถึงตายไปก็มี สิ่งเหล่านี้เป็นอุบาทว์เป็นอัปมงคลแต่พญานาคก็นับถือพุทธศาสนาศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเมืองบาดาลเป็นสวรรค์ชั้นล่างผู้ที่เกิดเป็นพญานาคก็ไถ่กรรมมาเรื่อยๆการเกิดเป็นพญานาคก็ใกล้จะได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วคือพร้อมที่จะเกิดเป็นมนุษย์ได้พญานาคถ้าเขาลงไปในน้ำเขาจะเป็นงูพอเขาขึ้นมาบนบกเขาก็กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนพวกเรานี่แหละแต่ถ้าพญานาคไปปรากฏตัวที่ไหนไปเหยียบพื้นดินให้เป็นรอยถ้าเราเห็นรอยใหญ่ขนาดเท่าศอก เราต้องสังเกตุว่าเป็นรอยมนุษย์หรือรอยสัตว์อะไร  เราต้องดูต้องสังเกต  ถ้าเห็นรอยใหญ่ยาว   ฝ่าเท้าใหญ่แหลมมี ๔ นิ้ว   ไม่ใช่ ๕ นิ้ว   พญานาคมี ๔ นิ้ว   อีกนิ้วหนึ่งจะอยู่สูงขึ้นไปเหมือนเดือยไก่    มังกร ๕ เล็บ เวลาเขาเหยียบลงไปที่พื้นดินจะปรากฏเพียง ๔ นิ้ว    อีกนิ้วหนึ่งอยู่ข้างบนนั่นคือสัตว์เดรัจฉาน    เป็นรอยของพญานาครอยของมังกร เกล็ดพญานาคศรีสุทโธหลวงพ่อเก็บไว้บนศาลาฯ   คราบพญานาคศรีสุทโธที่หลวงพ่อได้มาเป็นคราบสะดือตอนเด็กของพญานาคศรีสุ ทโธ พญานาคเขาจะมีการเสี่ยงทายกันตอนอายุได้หนึ่งเดือนว่าลูกใครจะได้พญาเป็น กษัตริย์ของพญานาคถ้าพญานาคตนนั้นไม่กินคราบสะดือของตนเองพญานาคตนนั้นจะได้เป็นพญาได้เป็น กษัตริย์พญาศรีสุทโธไม่กินคราบสะดือของตัวเองจึงได้เป็นพญา พญานาคจะเก็บคราบสะดือไว้    หลวงพ่อได้มาเพราะพญาศรีสุทโธนาคราชนำมาถวายเป็นพุทธบูชา ลูกแก้วพญานาคก็เหมือนกันพญานาคศรีสุทโธก็น้ำมาถวายเป็นเครื่องสักการบูชา ... Read More »

พระเกศ พระกรรณ

     พระเกศ พระกรรณ พระศรีสุวรรณมณี  เป็นตำนานของนครแสนคำ   พระเกศคือพระพุทธรูปที่ชื่อว่าเกศ  พระกรรณก็เหมือนกันเป็นชื่อพระพุทธรูปมีอยู่ด้วยกัน ๓ องค์  ในอดีตนั้นพระศรีสุวรรณมณีก็คือพระแก้วแสนคำ   ที่จริงโบราณเขาเรียก  “พระแก้วแสงคำ”  เป็นพระที่มีแสงออกมา  ต่อมาพูดเพี้ยนกันไปเป็นพระแก้วแสนคำ พระกรรณและพระแก้วแสนคำเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง   เนื้อทองปนโลหะจึงเรียกว่า  “พระแสนคำ”   ถ้าเป็นหยกเป็นแก้วก็เรียกพระแก้วแสนคำ พระแก้วบัวคำสร้างไว้ประดิษฐานที่เมืองบัว  พระแก้วบุญคำประดิษฐานที่นครแสนเมือง   พระแก้วแสนคำก็ประดิษฐานไว้ที่นครแสนคำ   แต่ละองค์จะไปประดิษฐานไว้เป็นที่ๆ   นี่เป็นตำนานการสร้างพระแก้ว   นี่แหละพระแก้วครองโลก   เราสร้างพระแก้วมามากมาย ๒๐-๓๐ กว่าองค์ในยุคนี้   พระแก้วเวียงคำก็จะเอาไปไว้ที่จังหวัดขอนแก่น   พระแก้วสุวรรณเสนอยู่ที่สิรินธร   พระแก้วสุพจน์ขันตีอยู่ที่อำเภอหัวสะพาน   พระแก้วสุริยะอยู่ที่อำเภอท่าลี่   พระแก้วศรีสุทโธอยู่ที่วัดแก่งม่วง   พระแก้วศรีไพฑูรย์อยู่ที่วัดหนองบง   พระแก้วรัตมณีอยู่ที่อำเภอคำม่วง   เป็นการสร้างพระแก้วถวายเพื่อเป็นการสืบพระศาสนา เราสร้างพระแก้วเหล่านี้เพื่อเป็นการเตรียมการเฉลิมพระเกียรติแด่ยุว กษัตริย์ที่จะมารองรับศาสนาในอนาคต   เพื่อสืบชะตาศาสนา   สืบชะตาบ้านเมือง  ต่อไปในอนาคตเขาจะแย่งชิงพระแก้วกันนะ   พระแก้วแต่ละองค์หลวงพ่อออกแบบผ้าทิพย์แต่ละองค์ลวดลายไม่เหมือนกัน   การสร้างพระแก้วหลวงพ่อมีเจ้าภาพบ้างไม่มีเจ้าภาพบ้าง  มีหลวงพ่อก็สร้างไปเรื่อย ๆ   มีก็สร้างไม่มีก็หยุดไว้ก่อน  หลวงพ่อสร้างพระด้วยขันธ์ ๕   ใครมาหาหลวงพ่อให้ช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุข  เจ็บไข้ได้ป่วยหลวงพ่อก็ช่วยเขา   หลวงพ่อก็เก็บเงินจากขันธ์ ๕เก็บสะสมไว้ทั้งหมด   หลวงพ่อรักษาทุกโรค   นายกฯทักษินบอกว่า ๓๐บาทรักษาทุกโรค   ... Read More »

การสร้างพระแก้วถวายเป็นพุทธบูชา

ผู้เขียนไปที่วัดภูพลานสูงเห็นหลวงพ่อสร้างพระแก้วไว้หลายองค์เต็มห้องไปหมด ผู้เขียนจึงได้เรียนถามหลวงพ่อว่าทำไมหลวงพ่อจึงได้สร้างพระแก้วไว้มาก มายอย่างนี้    มีสาเหตุและความเป็นมาอย่างไร   หลวงพ่อเมตตาตอบคำถามให้ผู้เขียนได้ทราบว่าทำไมหลวงพ่อจึงต้องสร้างพระแก้ว ไว้ในพระศาสนามากมายเช่นนี้   และนำเอาชื่อโบราณต่างๆ มาสร้างมาตั้งเป็นชื่อก็เพื่อ ๑. เพื่อเป็นการสืบเรื่องเดิมนามเดิมถวายพระพุทธศาสนาการสร้างพระพุทธรูปถวาย เป็นพุทธบูชาเป็นบุญสูงสุดก็คือการสร้างพระแก้ว   ฉะนั้นหลวงพ่อจึงสร้างพระแก้วแสนเมือง   แสนเมืองเป็นชื่อเมืองเก่าดี้งเดิมที่สูญหายจมแผ่นดินไป   เราก็เอาชื่อเดิมมาตั้งเป็นชื่อพระพุทธรูป เช่น  พระแก้วแสนเมือง  เพื่อสืบอายุพระศาสนา   สืบชะตาบ้านเมือง   ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อเฉลิมพระเกรียรติแก่พระราชวงศ์ ๒. เพื่อถวายเป็นบริวารแก่พระแก้วมรกต ๓. เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติในการรับเสด็จยุวกษัตริย์ที่จะเสด็จมาอุบัติรองรับศาสนาในอนาคต   นั่นคือเหตุ      พระแก้วทุกองค์สร้างไว้เพื่อค้ำจุนพระศาสนาที่หลวงพ่อสร้างก็มี  พระแก้วสุวรรภูมิ พระแก้วบุณคำ พระแก้วนามดี เท่ากับเราเชิดชูคำนั้น ยกขึ้นเชิดชูเกียรติเคารพและถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธองค์เพื่อสืบพระ ศาสนาเป็นสิริมงตล  เจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายภาคหน้า   สืบดวงชะตาบ้านเมือง   น้อมถวายเฉลิมพระเกียรติแด่พระราชวงศ์   เตรียมการรับเสด็จยุวกษัตริย์ที่จะมารองรับพระศาสนาในอนาคต นั่นคือสาเหตุที่สร้างพระแก้วมากมายก็เพื่อเป็นการสืบต่ออายุ พระศาสนาปัจจุบันหลวงพ่อได้สร้างพระแก้วมาแล้วมากมายกว่า ๓๐ องค์  พระแก้วแต่ละองค์จะนามไม่เหมือนกัน  เช่น พระแก้วแสนเมือง พระแก้วแสนคูณ พระแก้วคูณหลวง พระแก้วแสนคำ พระแก้วบุญคำ  พระแก้วบัวคำ พระแก้วสารหลวง พระแก้วสุวรรณภูมิ พระแก้วศรีสุริยะ พระแก้วคำมูล  พระแก้วศรีคำมูลพระแก้วสุวรรณเสน ... Read More »

การกำหนดวางอายุพระพุทธศาสนา

     พระพุทธองค์ทรงเน้นหนักในยุคศิวิไลซ์ เพราะพระองค์ปรารถนาวางศาสนาไว้ในโลกนี้ห้าพันปี ก็คือวางตรงยุคศิวิไลซ์ตรงกลาง ตอนต้นกับตอนท้ายไม่ใช่ พระพุทธองค์บรรจงเอาห้าพันปี   คืออาศัยบารมีของกรรมมหาฤทธิ์ห้าพันปีนับจากปี ๒๕๕๐ ต่อไปอีกห้าพันปี ๒๕๐๐ ปี ที่ผ่านมาไม่นับช่วงนั้นพระองค์อาศัยบารมีพระมหากัสสปะเป็นคนรองรับส่งพระ ศาสนาของพระองค์ ถึงยุคศิวิไลซ์ในตำนานกล่าวว่าพระมหากัสสปะเคยเกิดร่วมกับพระพุทธองค์และได้ อธิษฐานบารมีว่าจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอยู่ต่อมาพระพุทธองค์ปฏิบัติบำเพ็ญ เพียรมาจนจบสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า  พระมหากัสสปะเล็งเห็นว่าไม่มีใครมาช่วยเหลือพระพุทธองค์   พุทธวงศ์ของพระพุทธองค์จะย่อยยับลำบากแน่พระมหากัสสปะเลยถอนคำอธิษฐาน   มาเกิดเป็นมนุษย์เป็นสาวกผู้ใหญ่เพื่อสืบพระพุทธศาสนา   ดังนั้นพระองค์ทรงเล็งเห็นความเป็นมาของพระมหากัสสปะ พระองค์จึงประทานพรให้แก่พระมหากัสสปะเป็นผ้าสังฆาฏิของพระพุทธองค์ต่อมาพระ มหากัสสปะได้ทูลขอธุดงค์ ๑๓ ข้อ   พระพุทธองค์ทรงประทานข้อธุดงค์ ๑๓ ข้อให้แก่พระมหากัสสปะ   นี่คือบารมีของพระมหากัสสปะ   พระมหากัสสปะก็ใช้ธุดงค์ ๑๓ ข้อสืบต่อพระศาสนาถึงฝั่งศิวิไลซ์   พระมหากัสสปะทำให้ส่งผลอย่างน้อยพระมหากัสสปะไม่เสียสัจจะเปรียบเสมือนได้ เป็นพระพุทธองค์อีกองค์หนึ่ง   เพราะมีผ้าสังฆาฏิของพระพุทธองค์พาดอยู่บนบ่า   มีกรรมฐานคือธุดงควัตร ๑๓ ข้อเป็นบารมี   และส่งศาสนาถึงฝั่งศิวิไลซ์ให้แก่พระพุทธองค์หลังจากนั้นพระพุทธองค์ก็ได้ ประกาศศาสนาของพระองค์เพื่อเตรียมบูรณาการ   เพื่อเตรียมการรับหลานของพระพุทธองค์ที่จะมารองรับศาสนาของพระองค์   ที่พระองค์ให้ถึงห้าพันปีมาบรรจบแล้ว   และเทวยักษ์ผู้ปรารถนาจะมารองรับศาสนาของพระองค์ก็จะมารองรับสืบต่อไปอีก ๒๕๐๐ ปีรวมกับของพระมหากัสสปะตอนต้น ๒๕๐๐ ปี   กับของกรรมมหาฤทธิ์อีกห้าพันปี   เป็นหนึ่งหมื่น   พระพุทธองค์ยังทรงตรัสว่าแม้ถึงกระนั้นเราก็สามารถดำเนินการไปได้อีกพระ พุทธองค์ทรงดำเนินการเองได้   ไม่ใช่ว่าแค่ห้าพันปี  ฉะนั้นการวางศาสนาต้องมีคนมาคุ้มครองมารองรับ   ... Read More »

ยุคพระบรมสารีริกธาตุปรากฏ

     ผู้เขียนเรียนถามหลวงพ่อว่าทำไมยุคนี้จึงมีพระบรมสารีริกธาตุเกิดขึ้นมาก มาย  หลวงพ่อได้เมตตาอธิบายให้ผู้เขียนฟังว่า  ยุคพระบรมสารีริกธาตุปรากฏก็คือยุคเราเนี่ยแหละ   ยุคนี้เป็นยุคศิวิไลซ์เป็นยุคที่พระบรมสารีริกธาตุมาปรากฏมากที่สุด  ถ้าเราย้อนไปในอดีตเมื่อประมาณสองพันกว่าปียังไม่เคยมีปรากฏ   แต่มาในยุคนี้พระบรมสารีริกธาตุปรากฏมากมาย   และทุกสิ่งทุกอย่างก็มาเกิด  เมื่อพระพุทธองค์มาอุบัติมาเกิดขึ้นทุกสิ่งก็มาเกิด  ก่อนที่พระพุทธองค์จะมาบังเกิดสิ่งของที่จะมารองรับก็มาเกิดก่อนล่วงหน้า เป็นการปูทางไว้ก่อน   เช่น พระนารายณ์ก็มาเกิด   พระพรหมก็มาเกิด   พระแม่ธรณีก็มาเกิด   สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็มาเกิด  พระบรมสารีริกธาตุก็มาเกิดมา  เพชรพญานาคเกิด  ไม่เกิดคนก็สร้างมาให้เกิด  หลวงปู่โมคคัลลานะก็มาเกิดโดยบารมี  หลวงพ่อสเก็ตซ์ภาพหลวงปู่โมคคัลลานะภาพหลวงปู่โมคคัลลานะก็เกิด   อดีตผ่านมาแล้วตั้ง ๒พันกว่าปีพอสเก็ตซ์ภาพท่านก็เกิด  เกิดโดยบารมีของหลวงปู่โมคคัลลานะด้วยศรัทธาที่หลวงพ่อมีต่อพระโมคคัลลานะ  ต่อมาพระสรีรังคาร  พระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์ก็เกิด  ตรงนี้เป็นหลัก  เพชรพญานาคเกิด  มันบันดาลให้เกิด  ไม่เกิดก็สร้างขึ้นมาให้เกิดเพราะพระบรมธาตุเหล่านี้ทุกองค์ล้วนแล้วแต่เป็น องค์เอก  คือข้อพระหัตถ์ก็ใหญ่  พระเขี้ยวฝางก็ทั้งองค์พระพุทธโลหิตก็ทั้งองค์ล้วนแต่เป็นองค์เอกทั้งนั้นใน ยุคนี้ถ้าพระบรมสาริริกธาตุของพระพุทธองค์ยังบังเกิดขึ้น   สร้างขึ้นมาสวดขึ้นมาก็เกิดขึ้น ฯลฯ  ศาสนาอยู่ได้เพราะพวกเราปฏิบัติบูชารักษาไว้  บางคนพูดว่าแล้วพระพุทธเจ้าทำไมไม่เทศน์   พระองค์จะเทศน์ทำไมในเมื่อพระไตรปิฎกมีอยู่แล้ว   พระองค์เทศน์มาแล้วตั้งสองพันกว่าปีที่ผ่านมา  พระพุทธเจ้าไม่เคยหยุดเทศนาเลยพระองค์เทศนามาตลอด   หลวงพ่อก็อาศัยหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์มีเพียบพร้อม  ดังนั้นพระบรมสารีริกธาตุจึงปรากฏในยุคนี้ยุคศิวิไลซ์ยุคใดก็ตามสมมุติว่า ยุคนี้มันหมดไป  ต่อไปยุคใหม่มีพระบรมสารีริกธาตุอุบัติเกิดขึ้น   นั่นคือบารมีของพระพุทธองค์มาปรากฏขึ้นเพื่อประกาศพระศาสนาของพระองค์ต่อไป อีกเป็นช่วง ๆ Read More »

คำทำนายเกี่ยวกับโลกศาสนาบ้างเมืองยุคศิวิไลซ์

     เรื่องนี้หลวงพ่อพูดไปแล้ว  นั่นคือเรื่องราวในปัจจุบัน  เหตุการณ์บ้านเมืองมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ  ยุคนี้ต่อไปก็เข้าสู่ยุคศิวิไลซ์เต็มตัว  ศิวิไลซ์รุดหน้า ยุคศิวิไลซ์เริ่มต้นที่ พ.ศ. ๒๕๕๐   นั้นแหละเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์แล้วตั้งแต่ปี ๒๕๕๐-๒๕๕๔  เป็นเวลา ๕ ปี  มันก็ลง ๕ เพราะว่าพระพุทธองค์ทรงประทับรอยพระพุทธบาทเมื่อพระชนมายุ ๕๐ พรรษา  หลวงพ่อมาเปิดรอยพระพุทธบาทต้อนรับ พ.ศ. ๒๕๕๐  เริ่มเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์  ต่อมาก็เกิดปฐมเหตุแห่งการเป็นตำนาน  เกิดเป็นม็อบสี  เกิดจราจลวุ่นวาย  เรื่องราวต่าง ๆ มาเริ่มตรงนี้  ตอนนี้เข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ๕ สมัยไปแล้ว๕ ปีไปแล้ว  และต่อไปก็จะเกิดเรื่องขึ้นใหม่ย้ายไปเรื่อย ๆ  ยุคศิวิไลซ์ มีลักษณะดังพระพุทธองค์ว่า  โลกนี้จะเรียบเป็นหน้ากอง  เพราะอะไรเพราะต่อไปภายเบื้องหน้าโลกมนุษย์เราจะมีการปกครองเสมอภาค  สิทธิการปกครองจะเสมอภาคกันหมด  สิทธิคือให้อำนาจแก่ประชาชนเป็นประชาธิปไตยเต็มตัว  โดยอาศัยศีลธรรม  เมตตาธรรมเป็นหลักในการปกครอง  หลักธรรมาธิปไตย  ดังนั้นมันจะใหญ่จะสูงจะเท่าเทียมกันหมดในยุคศิวิไลซ์คนจะเท่าเทียมกันหมด ทุกอย่าง  กว่ากรรมมหาฤทธิ์จะขึ้นมาครองบัลลังก์  พระพุทธองค์ตรัสว่า  เราไม่ให้ใครเกินหลานเรา แม้แต่พระองค์ท่านเมื่อยังเยาว์วัยยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่  โลกยังกระหึ่มสั่นสะเทือนเหมือนในอดีต  ตอนที่ท่านเกิดเป็นช้างเผือกงาแก้ว  ช้างตายทั้งโขลง  พ่อก็ตาย พอเกิดเป็นช้างน้ำงาด พญานาคแพ้ตายเกือบหมดบาดาล  พอมาเกิดเป็นมนุษย์เบื้องบนก็สั่นสะเทือน  เกิดความวุ่นวายในช่วงปลายรัชสมัย  ใครขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็ปั่นป่วนไปหมด  ... Read More »

เหตุภัยพิบัติเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก

     ผู้เขียนได้เรียนถามหลวงพ่อว่าทำไมจึงเกิดภัยพิบัติขึ้นทั่วโลก  หลวงพ่อบอกว่าเหตุที่ภัยธรรมชาติบังเกิดขึ้นทั่วโลกในปัจจุบัน  เกิดขึ้นด้วยอำนาจของสุริยะธาตุ เกี่ยวเนื่องด้วยสุริยะธาตุปรากฏ  มันจะเกิดดินโคลนถล่ม  แผ่นดินไหว  แผ่นดินยุบ  น้ำท่วมไปทั่ว  ที่ไม่เคยท่วมก็ท่วมขนาดที่สูง ๆ  น้ำยังท่วม  นี่แหละคืออำนาจของพระพุทธองค์  ผลสุดท้ายจะเหลือแค่เพียง ๓ ร่มโพธิ์ศรี  คือถ้าใครยึดมั่นในพระพุทธ  พระธรรมพระสงฆ์  ศรัทธาเชื่อมั่นในพระพุทธองค์  สิ่งเหล่านั้นก็จะเหลือ  ยกตัวอย่าง  ที่ภาคใต้ดินโคลนถล่ม  เจ้าของบ้านบอกว่าจะให้ลูกบวชในพระพุทธศาสนาดินโคลนที่ถล่มก็แยกเลยบ้านเขา ไป  เขาก็รอดพ้นจากภัยพิบัติ  อีกรายอธิษฐานว่าถ้าบ้านเขาไม่เป็นไร  เขาจะจัดผ้าป่าไปทอดไปทำบุญถวายเขาก็ไม่เป็นอะไร  นี่พระพุทธองค์ประทานให้เป็นตัวอย่างแก่สายตาชาวโลกว่า  นี่คือพระพุทธองค์ให้  ในยุคนี้แค่น้อยนิดพระพุทธองค์ยังให้อย่างเต็มที่  เหมือนในอดีตพระพุทธองค์ประกาศศาสนาใหม่ๆ  ในยุคนั้นพระองค์ต้องประกาศศาสนาให้เร็วที่สุด  พระองค์ประสงค์สงเคราะห์มวลมนุษย์ให้พ้นทุกข์  ฉะนั้นในสมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมทุกแห่ง  คนมักจะสำเร็จกันเร็ว เพราะพระพุทธองค์ประสงค์จะนำพามนุษย์ทั้งหลายให้ข้ามพ้นวัฏสงสาร ในยุคนี้ก็เหมือนกันพระพุทธองค์ต้องการให้พวกเราเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธ ศาสนาให้พากันเตรียมการ  เตรียมการรับเสด็จยุวกษัตริย์หลานของพระพุทธองค์ พระองค์ประสงค์จะมอบให้พวกเรา  พวกเราขออะไรได้หมดถ้าเราทำงานถวายพระพุทธองค์  เหมือนคนมาขอหลวงพ่อ  ขอตำแหน่ง  ขอลูกหลานได้หมด  หลวงพ่อเป็นผู้ทำงานแทนพระพุทธองค์เป็นผู้มอบให้เมื่อเราได้สำเร็จแล้วก็มา ทำโน่นทำนี่ถวาย   นี่คือพระประสงค์  พระองค์มีพระประสงค์ที่จะมอบให้พวกเรา  ขอให้พวกเราเตรียมการรับเสด็จยุวกษัตริย์  ถ้าเราไม่เตรียมสร้างถวาย  เตรียมการรับเสด็จยุวกษัตริย์หลานพระพุทธองค์แล้ว  พวกเราจะถึงซึ่งความวิบัติภัยพิบัติจะเกิดขึ้นวุ่นวายไปหมด  แต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยพระบารมีของพระพุทธองค์สามารถควบคุมดูแลให้คนเกิด ศรัทธาสร้างสิ่งต่างๆขึ้นไว้ในพระพุทธศาสนา  เช่น สร้างพระพุทธรูป  เจดีย์เก่าๆ ก็มีการบูรณะซ่อมแซมขึ้น  วัดต่าง ... Read More »

พระมหาโมคลานะอัครสาวกเบื้องซ้าย

      ย้อนหลังไปก่อนพุทธกาลจากกรุงราชคฤห์ไปไม่ไกลนัก   มีหมู่บ้านพราหมณ์อยู่ ๒ หมู่บ้าน  หมู่บ้านหนึ่งชื่อว่าอุปติสสะคาม  หมู่บ้านนี้มีหัวหน้าชื่อว่าวังคันตะ ภรรยาชื่อสารี  มีลูกชาย ๔ คน  ลูกสาว ๓ คน  จะกล่าวเฉพาะลูกชายคนแรกที่ชื่อว่า อุปติสสะ  แต่ชาวบ้านมักเรียกตามชื่่อมารดาว่าสารีบุตร   ซึ่งแปลว่าเป็นบุตรของนางสารี  ส่วนอีกหมู่บ้านหนึ่งคือหมู่บ้านโกลิตะคาม  มีหัวหน้าชื่อว่าโกลิตะ  ภรรยาชื่อนางโมคคัลลี  มีลูกชายคนหนึ่งชื่อ  โมคคัลลานะ ทั้งสองตระกูลต่างก็มีความมั่งคั่งด้วยโภคทรัพย์และบริวารเช่นกัน  จึงคบหาสมาคมรักใคร่นับถือเป็นญาติเป็นสหายกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพชน  ดังนั้นลูกชายของทั้ง ๒ ตระกูลซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน  จึงพลอยรักใคร่สนิทสนมคบหาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก   เข้าเรียนในสำนักอาจารย์เดียวกัน  แม้เมื่อเรียนจบจนเติบโตเป็นหนุ่มแล้วก็ยังเป็นเพื่อนกัน  มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาทั้งสองไปเที่ยวดูงานมหรสพด้วยกัน  แต่ครั้งนี้ทั้งสองไม่ได้มีความรู้สึกสนุกสนานรื่นเริงเหมือนครั้งก่อนๆ   ทั้งสองจึงพาบริวารไปขอบวชอยู่ในสำนักของอาจารย์สญชัยปริพาชก  ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่อยู่ในเมืองราชคฤห์สำนักหนึ่ง  อาศัยที่ทั้งสองมีปัญญาเป็นเลิศ  เมื่อได้เข้าไปศึกษาจึงสามารถเรียนรู้ลัทธิของอาจารย์สญชัยได้ทั้งหมดในเวลา ไม่นานนัก  ดังนั้นเขาทั้งสองจึงถูกขอร้องจากอาจารย์สญชัยให้อยู่เป็นอาจารย์สอนศิษย์ ด้วยกัน  แต่เขามิได้ตอบตกลงเพราะเห็นว่าการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักของอาจารย์ ไร้ประโยชน์  ด้วยไม่เป็นหนทางที่จะให้บรรลุโมกขธรรมได้   ทั้งสองจึงลาออกจากสำนักเที่ยวเสาะแสวงหาผู้มีวิชาความรู้แต่ก็หาได้พบ อาจารย์ผู้สอนโมกขธรรมไม่  จึงเดินทางกลับมาที่สำนักเดิมอีกและทั้งสองได้ให้สัญญากันไว้ว่า  ถ้าใครได้บรรลุโมกขธรรมก่อนจะต้องกลับมาบอกให้แก่อีกคนหนึ่งรู้ด้วย  แล้วต่างคนก็แยกย้ายกันไปแสวงหาโมกขธรรมเมื่อพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว  ทรงแสดงธรรมสั่งสอนมหาชนจนมีสาวกมากขึ้นพอที่จะเป็นกำลังในการประกาศเผยแผ่ พระศาสนาได้แล้ว  พระองค์ได้ส่งพระสาวกเหล่านั้นออกเผยแผ่ศาสนาตามบ้านเมืองต่างๆ  ส่วนพระองค์ก็เสด็จจาริกประกาศพระศาสนาเรื่อยมา  กระทั่งทรงประดิษฐานพระพุทธศาสนาในเมืองราชคฤห์ได้สำเร็จ  และพระองค์ได้ประทับอยู่ที่วัดเวฬุวันในช่วงเวลาดังกล่าว พระอัสสชิเป็นผู้หนึ่งในคณะปัญจวัคคีย์และคณะพุทธสาวกรุ่นแรก ๖๐ รูป  ที่พระพุทธเจ้าทรงส่งไปประกาศพระศาสนาในที่ต่างๆ  ในเวลานั้นพระอัสสชิทราบว่าพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่วัดเวฬุวันจึงเดินทางมา ... Read More »